บัตรสะสมแต้มกระดาษ VS ระบบสะสมแต้มออนไลน์ แบบไหนดีกว่ากัน?

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• ระบบสะสมแต้ม คืออะไร?
• ประโยชน์ของการใช้ระบบสะสมแต้มสำหรับธุรกิจหรือร้านค้า
• บัตรสะสมแต้มกระดาษ VS ระบบสะสมแต้มออนไลน์  แบบไหนดีกว่ากัน?
  
  • บัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ
    
  • ระบบสะสมแต้มออนไลน์
• สรุป

ระบบสะสมแต้ม คืออะไร?

ระบบสะสมแต้ม คือ ระบบสำหรับใช้ในการทำ Loyalty Program รูปแบบหนึ่ง เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาดของธุรกิจโดยการใช้การสะสมแต้มเมื่อลูกค้ามีการซื้อสินค้าและบริการตามเงื่อนไขที่ร้านค้ากำหนด และเมื่อมีการสะสมแต้มครบตามจำนวนที่ร้านกำหนด ลูกค้าก็สามารถนำไปแลกเป็นคูปองหรือของรางวัลอื่น ๆ ได้  เช่น ของรางวัลแจกฟรี คูปองส่วนลดพิเศษ หรือบัตรกำนัลต่าง ๆ  ซึ่งระบบสะสมแต้มนี้เป็นเหมือนเครื่องมือที่ใช้ในการกระตุ้นยอดขายเพื่อให้เกิดยอดขายที่เพิ่มขึ้น ดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และเก่าให้กลับมาซื้อสินค้าและบริการซ้ำอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ประโยชน์ของการใช้ระบบสะสมแต้มสำหรับธุรกิจหรือร้านค้า

การใช้ระบบสะสมแต้มสำหรับธุรกิจหรือร้านค้า นั้นมีประโยชน์มากมาย นอกจากการสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าเกิดความภักดีกับแบรนด์เรา และมักกลับมาสนับสนุนสินค้าของร้านเราอยู่ตลอด ลดการสลับเปลี่ยนไปใช้สินค้าแบรนด์อื่น หรือคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังเป็นระบบที่ช่วยให้ธุรกิจเก็บข้อมูลลูกค้าแล้วนำมาวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ได้หลากหลายมุมมองอีกด้วย

ในยุคปัจจุบันนี้ การสะสมแต้มที่เรามักพบเจออยู่บ่อย ๆ เวลาไปร้านค้า จะมี 2 รูปแบบคือ บัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ และระบบสะสมแต้มออนไลน์ แล้วหากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่กำลังอยากทำ Loyalty Program ด้วยระบบสะสมแต้ม จะเลือกรูปแบบไหน?

บัตรสะสมแต้มกระดาษ VS ระบบสะสมแต้มออนไลน์ แบบไหนดีกว่ากัน

วันนี้เราจะมาอธิบายความแตกต่างของระบบสะสมแต้มทั้งสองแบบนี้ให้ทุกคนได้เห็นภาพมากขึ้น และเพื่อให้เป็นแนวทางที่คุณสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ระบบสะสมแต้มในรูปแบบที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณมากที่สุด

บัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ

1. มีต้นทุนในการผลิต

การทำบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ นั้นธุรกิจจำเป็นต้องมีต้นทุนและงบประมาณในการทำสั่งผลิตบัตรกระดาษออกมา เพื่อเอาไว้ประทับตราเป็นหลักฐานในการสะสมแต้ม ว่าลูกค้าแต่ละราย สะสมแต้มไปกี่แต้มแล้ว และถ้าหากธุรกิจอยากได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องมีการแจกบัตรให้ลูกค้ามากขึ้นเช่นกัน หรือหากลูกค้าเก่าทำบัตรหาย ร้านค้าก็ต้องแจกบัตรใหม่ซ้ำ ๆ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต่างก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น นับวันก็ยิ่งสิ้นเปลืองงบในการทำบัตรกระดาษมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น หากใครยังใช้บัตรสะสมแบบกระดาษอยู่ ก็ต้องมีการเตรียมงบสำหรับการผลิต และบริหารจัดการให้ดี

2. ไม่มีที่เก็บข้อมูลลูกค้า ไม่รู้จักลูกค้า

เมื่อแจกบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษออกไปแล้ว ร้านค้าส่วนใหญ่แทบจะจำไม่ได้เลยว่าลูกค้าแต่ละรายที่มาที่ร้าน สะสมแต้มไปได้จำนวนเท่าไหร่แล้ว ซึ่งร้านค้าจะทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการตรวจสอบในตอนที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง และยื่นบัตรสะสมแต้มให้ดูนั่นเอง นอกจากธุรกิจหรือร้านค้าจะจดจำปริมาณการสะสมแต้มของลูกค้าไม่ได้แล้ว ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ ของลูกค้า ธุรกิจก็แทบจะไม่ทราบเลยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุลของลูกค้า วันเดือนปีเกิด จำนวนครั้งที่มาซื้อสินค้าในแต่ละเดือน รายการสินค้าที่ลูกค้าซื้อมากที่สุด ความชอบของลูกค้าแต่ละราย เป็นต้น ซึ่งยิ่งเราอยู่ในยุคแห่ง DATA แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลลูกค้าอย่างมากพอ ก็ยังถือว่าธุรกิจยังขาดข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับทำกลยุทธ์การขายเลยก็ว่าได้

3. ทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายได้ไม่หลากหลาย

เนื่องจากบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษเมื่อร้านค้าแจกลูกค้าไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือเงื่อนไขที่แจ้งกับลูกค้าไว้ตั้งแต่แรกได้ เมื่อพิมพ์ออกมาและระบุเงื่อนไขโปรโมชั่นใด ๆ ลงบัตรกระดาษไปแล้ว ก็ต้องยึดเงื่อนไขตามนั้นไปตลอด จนกว่าจะมีการเปลี่ยนโปรโมชั่นหรือเปลี่ยนบัตรสะสมแต้มใหม่ 

จะเห็นว่า บัตรสะสมแต้มจะสามารถทำได้แค่ทีละโปรโมชั่น ทำได้ไม่หลากหลาย ทำให้ร้านค้าสร้างโปรโมชั่นมากระตุ้นการขายได้ค่อนข้างน้อย และยอดขายไม่เติบโตตามที่คาดหวังได้

4. ลูกค้าต้องคอยพกบัตรและมักทำบัตรหายบ่อย ๆ

เมื่อมีการซื้อสินค้าและบริการ พร้อมการสะสมแต้มแต่ละครั้ง ลูกค้าต้องพกบัตรสะสมแต้มติดตัวมาด้วยเสมอ และปัญหาที่ร้านค้ามักจะเจอบ่อย ๆ เลยก็คือ ลูกค้าไม่ได้พกบัตรสะสมแต้มติดตัว หรือทำหาย ทำให้ลูกค้าต้องมาขอรับบัตรใหม่ และเริ่มสะสมแต้มใหม่ ซึ่งตรงนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ประทับใจจนอาจจะล้มเลิกการสะสมแต้มไปก็เป็นได้ เพราะลูกค้าจะต้องใช้เวลานานขึ้นเพื่อที่จะสามารถใช้โปรโมชั่นของร้านค้าได้ ต้องซื้อของอีกหลายครั้ง ถึงจะได้รับของรางวัลตามเงื่อนไข 

5. กระตุ้นยอดขายได้แบบกว้าง ๆ ไม่เจาะจง

การกระตุ้นยอดขาย ผ่านการสะสมแต้มแบบบัตรกระดาษ จะทำได้แบบกว้าง ๆ เพราะส่วนใหญ่เงื่อนไขการรับสิทธิพิเศษจะเป็นรูปแบบเดียวกันหมด จะไม่มีความเฉพาะเจาะจงหรือ personalize เท่าที่ควร เพราะร้านค้าไม่มีข้อมูลลูกค้า ไม่มีแหล่งในการเก็บข้อมูลลูกค้า และเงื่อนไขการแจกของเมื่อสะสมแต้มครบ จะทำได้แค่ครั้งเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะทำผ่านกระดาษที่จะแก้ไขข้อมูลบนบัตรได้ยาก

6. ต้องทำสรุปรายงานเอง

เมื่อเราต้องทำสรุปรายงานการแจกบัตรสะสมแต้ม หรือข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับการขายหน้าร้าน พนักงาน หรือเจ้าของร้านค้าต้องทำการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เอง เพราะไม่มีระบบที่บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้เสียเวลาในการทำสรุปรายงาน บางครั้งก็ข้อมูลตกหล่น เพราะพนักงานหรือผู้มีหน้าที่ทำรายงานก็มักสรุปผลการดำเนินการด้วยการนับจากการที่เคยจดไว้ แล้วก็ต้องนำมากรอกลงไฟล์ Excel เพือเก็บรวบรวมและสรุปผลออกมาเพื่อและนำไปรายงานต่อเจ้าของร้านโดยตรง

7. เสียเวลาในการบริหารจัดการทั้งเจ้าของและพนักงาน

การทำบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ นอกจากจะเสียเงินแล้ว จะเห็นว่ายังเสียเวลาในการบริหารจัดการอีกหลายขั้นตอนเลยทีเดียว ตั้งแต่เริ่มต้นที่ต้องคำนวณว่าต้องผลิตบัตรสะสมแต้มจำนวนเท่าไหร่ ขั้นตอนการแจกบัตรสะสมแต้มให้ลูกค้าเป็นอย่างไร การแสตมป์แต้มให้ลูกค้าแต่ละคน ต้องทำแบบไหน จำนวนลูกค้ากลับมาใช้สิทธิกี่คน แต่ละเดือนมีลูกค้ากี่คนที่สะสมแต้มครบจำนวนและได้สิทธิพิเศษไป ซึ่งทำหมดนี้เจ้าของและพนักงานร้านค้าต้องบริหารจัดการเองทั้งหมด ซึ่งนับว่าเป็ฯงานที่ค่อนข้างซ้บซ้อนจนบางครั้งก็ทำให้ไม่มีเวลาในการส่งเสริมการขายหน้าร้านได้อย่างเต็มที่

ระบบสะสมแต้มออนไลน์

1. ไม่ต้องใช้ต้นทุนในการบริหารจัดการสูง

หากอยากทำระบบสะสมแต้มออนไลน์ สามารถทำได้เลย โดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปใช้ในการผลิตบัตร อย่างเช่น  Pointspot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร ที่ร้านค้าสามารถสร้างระบบสะสมแต้มได้ง่าย ๆ เพียงใช้เบอร์โทรของลูกค้า และนอกจากนี้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาในการบริหารจัดการ เพราะระบบแบบออนไลน์จะช่วยบริหารจัดการขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ

2. มีฐานจัดเก็บข้อมูลลูกค้า รู้พฤติกรรมลูกค้า

การใช้ระบบสะสมแต้มออนไลน์ ร้านค้าจะสามารถบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าได้เลยในระบบ เช่น ชื่อ สกุลของลูกค้า ชื่อธุรกิจ หรือรายงานสถิติกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดในร้านค้า เช่น เดือนนี้ส่งพอยท์ไปเท่าไหร่ ลูกค้าท่านใดเข้ามาซื้อของบ่อย รับพอยท์ล่าสุดเมื่อไหร่ สินค้าที่ลูกค้าซื้อมากที่สุดในแต่ละเดือนคืออะไร ซึ่งข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกบันทึกอย่างเป็นระบบใน Pointspot ช่วยให้ร้านค้าสามารถรู้พฤติกรรม และข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ามากขึ้น สามารถนำไปต่อยอดด้านการคิดกลยุทธ์การตลาดและการขายต่อไปได้อย่างแม่นยำขึ้น

3. ลูกค้าแลกคูปอง ของรางวัล ได้หลากหลาย

เวลาร้านค้ามีกำหนดสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สะสมแต้มได้ครบตามกำหนดนั้นสามารถทำได้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและพอยท์ที่ลูกค้าสะสมอยู่ ที่สามารถทั้งแลกเป็นคูปองส่วนลดก็ได้ หรือได้เป็นของรางวัลพิเศษอื่น ๆ  ร้านค้าสามารถสร้างโปรโมชั่น คูปอง ของรางวัลได้เองตามความต้องการ เลือกเงื่อนไข ออกแบบแบนเนอร์เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เพราะระบบออนไลน์สามารถแก้ไขข้อมูล ปรับแต่ง และมีระบบที่ช่วยให้เรา personalize สิทธิพิเศษได้ตรงตามใจลูกค้ามากขึ้น

4. ลูกค้าสมัครและสะสมแต้มด้วยเบอร์โทรได้เลย

หลายคนอาจติดภาพมาว่า การทำระบบสะสมแต้มแบบออนไลน์นั้นมีความยุ่งยากต่อลูกค้า ถ้าทำแบบบัตรกระดาษเราก็แค่ยื่นบัตรให้ลูกค้าได้เลย แต่ถ้าเป็นระบบออนไลน์ ลูกค้าต้องเสียเวลาในการสมัคร เช่น ต้องแอดไลน์ กรอกข้อมูลส่วนตัวหลายสเต็ป แต่ในสมัยนี้ระบบสะสมแต้มออนไลน์ได้พัฒนาขึ้นมาก โดยเราสามารถให้ลูกค้าสมัครพร้อมสะสมแต้มได้ทันทีผ่านการบอกเบอร์โทรเพียงขั้นตอนเดียว

5. กระตุ้นยอดขายได้เฉพาะเจาะจง

ระบบสะสมแบบออนไลน์ เป็นการกระตุ้นยอดขาย ได้แบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เมื่อร้านค้าสร้างรายการของรางวัล หรือคูปองส่วนลดไว้ในระบบแล้ว ลูกค้ากลุ่มที่เข้าเงื่อนไขก็สามารถเลือกได้ว่าเขาต้องการแลกสิทธิพิเศษแบบไหน โดยอ้างอิงจากพ้อยท์หรือแต้มสะสมที่เขามี และระบบจะช่วยคิดคำนวณและจำกัดสิทธิผ่านระบบ ช่วยให้บริการจัดการได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

6. มีรายงานมากมาย ที่ระบบประมวลผลให้

อย่างที่บอกไปในข้อต้น ๆ ว่า การทำระบบสะสมแต้มออนไลน์จะช่วยในเรื่องการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และมีการประมวลผลเป็นรายงานต่าง ๆ ได้ทันที ในมุมมองที่หลากหลาย ตามวัตถุประสงค์ที่เราอยากดู โดยที่เราไม่ต้องมาเสียเวลานั่งทำรายงานเอง  เช่น รายงานแบ่งกลุ่มลูกค้าตามจำนวนแต้มที่ได้รับและการกลับมาใช้งาน, สรุปผลรายงานลูกค้าประจำ, รายงานสรุปความเคลื่อนไหวของพ้อยท์หรือแต้มสะสม รายงานเกี่ยวกับคูปองหรือของรางวัลที่แจกไป เป็นต้น

7. ระบบรองรับแอดมินได้หลายคน

เมื่อมีการใช้ระบบสะสมแต้มออนไลน์แล้ว หลาย ๆ คนอาจจะกังวลว่าจะใช้ไม่เป็น แต่สำหรับ Pointspot ท่านสามารถหมดความกังวลตรงนี้ได้เลย เพราะระบบสามารถใช้งานได้ง่าย มีเมนู ฟีเจอร์หลากหลาย ครบครัน ตอบโจทย์การทำงาน ที่สำคัญยังสามารถกำหนดสิทธิ์การบริหารจัดการผ่านเจ้าของรา้นเอง หรือผ่านแอดมินหลายคนได้ เป็นการแบ่งงานให้ทีมงานได้ช่วยเหลือกันได้มากขึ้น อีกทั้งสามารถติดตามความเคลื่อนไหวหรือสถานะของบัตรสะสมแต้มของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สรุป

ระบบสะสมแต้ม ถือเป็นการทำ Loyalty Program รูปแบบหนึ่งที่ร้านค้าในยุคนี้ให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งแต่ละธุรกิจ แต่ละร้านค้าก็คงมีการเลือกใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป และเมื่อได้เห็นถึงความแตกต่างของทั้งบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ และ ระบบสะสมแต้มออนไลน์ จะเห็นได้ว่า การใช้ระบบสะสมแต้มแบบออนไลน์นั้นให้ประโยชน์ที่ตอบโจทย์กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันมากกว่าบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ ทั้งใช้ต้นทุนที่น้อยกว่า สร้างคูปอง ของรางวัลได้หลากหลาย กำหนดสิทธิพิเศษให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้สำหรับวิเคราะห์ทำกลยุทธ์ต่อไปได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ทำระบบสะสมแต้มที่ได้ประโยชน์ทั้งมุมลูกค้าและเจ้าของธุรกิจ

หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาระบบสะสมแต้มอยู่ และต้องการสร้างระบบสมาชิก สะสมพอยท์ พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอแนะนำ Pointspot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร แล้วท่านจะได้พบกับประสบการณ์การทำ  Loyalty Program ที่สามารถสร้างระบบบัตรสมาชิก สะสมแต้มอย่างง่ายดาย ผ่านเบอร์โทร ลูกค้าก็ใช้งานได้ง่าย พร้อมสามารถสร้างยอดขายให้ธุรกิจได้แบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน

สมัครใช้งานฟรี! Pointspot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร

หากต้องการเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวข้างต้น แนะนำให้สมัครใช้งาน Pointspot ซึ่งมีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้ม คูปองโปรโมชั่นบัตรสมาชิกดิจิทัล Gift Voucher ออนไลน์ และ Loyalty Program   อื่น ๆ คลิกที่ปุ่มด้านล่างนี้เพื่อลงทะเบียนใช้งานฟรี!