เลือกอ่านตามหัวข้อ
การทำความรู้จักลูกค้า จะทำให้แบรนด์สินค้าเข้าใจพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น และจะทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด หากคุณทำธุรกิจโดยไม่ได้ศึกษาความต้องการลูกค้า ก็คล้ายกับเป็นการลงทุนที่เสียเปล่า เพราะสินค้าหรือบริการที่สร้างขึ้นมาไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ควรทำความรู้จักลูกค้าทั้งสิ้น เพื่อให้ธุรกิจมีผลประกอบการที่ดีในระยะยาว
5 วิธี ทำความรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มยอดขายในระยะยาว
การทำความรู้จักลูกค้าสามารถศึกษาได้จากหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการหรือความสนใจของลูกค้า ปัญหาของลูกค้า รวมถึงปัจจัยที่มีส่วนในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ หากเจ้าของธุรกิจสามารถทราบข้อมูลเหล่านี้ได้ ย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน ลองมาอ่านทั้ง 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณรู้จักลูกค้ามากยิ่งขึ้นกัน
1. การเก็บข้อมูลลูกค้าด้วยแบบสอบถาม
แบบสอบถาม ถือเป็นวิธีการเก็บข้อมูลที่ได้รับข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายโดยตรง การสร้างแบบสอบถามเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าแสดงความคิดเห็น ทางแบรนด์จะได้ทราบถึง Feedback โดยตรงจากผู้ใช้งานจริง ที่จะสามารถนำผลที่ได้มาวิเคราะห์แล้วนำไปพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์และตรงใจลูกค้า
2. การเก็บข้อมูลลูกค้าด้วยระบบสมาชิกออนไลน์
นอกจากการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามแล้ว ปัจจุบันเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลมากขึ้น ซึ่งคือระบบสมาชิกออนไลน์ ซึ่งเป็นระบบที่ง่าย สะดวก และประหยัดเวลา ในการสมัครสมาชิก หรือระบบสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทรศัพท์ ที่เป็นระบบที่ตอบโจทย์ในยุคดิจิทัลเป็นอย่างยิ่ง เพราะใช้เพียงแค่เบอร์โทรศัพท์ก็สามารถสะสมแต้มได้ ไม่ต้องดาวน์โหลดแอป หรือพกบัตรสมาชิก ซึ่งระบบนี้จะสามารถเก็บข้อมูลข้อมูลของลูกค้าจะถูกดึงเข้าระบบและแยกข้อมูลสมาชิกทันที ทางแบรนด์สามารถนำข้อมูลลูกค้าที่ได้มาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อจะสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งจะกระตุ้นการซื้อสินค้าและบริการจากลูกค้าได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
3. การแบ่งกลุ่มลูกค้าด้วย RFM Analysis
RFM Analysis คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการซื้อ โดยแบ่งจาก R – Recency (การสั่งซื้อครั้งล่าสุด) F – Frequency (ความถี่ในการซื้อ) และ M – Monetary (ค่าใช้จ่ายในการซื้อ) โดยจะมีการให้คะแนนจาก 3 ส่วนนี้แล้วนำมาจัดกลุ่มของลูกค้า เช่น กลุ่มลูกค้าที่มีความถี่ในการซื้อสูงแต่มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำ หรือกลุ่มลูกค้าที่ความถี่ในการซื้อต่ำแต่มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูง การวิเคราะห์ในลักษณะนี้จะทำให้ทราบพฤติกรรมการซื้อของลูกค้ามากยิ่งขึ้น หากทางแบรนด์มีการใช้ระบบที่ช่วยทำให้ทราบ insights ของลูกค้า ก็จะสามารถนำมาใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ที่จะสื่อสารไปยังลูกค้าแต่ละกลุ่มได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
4. การสื่อสารกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
การสื่อสารก็นับเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ดังในปัจจุบันที่หลาย ๆ แบรนด์จะมีการสร้าง LINE Official Account (LINE OA) หรือบัญชีไลน์เพื่อธุรกิจ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า การบรอดแคสต์ข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอต่าง ๆ ที่บางแบรนด์มีการบรอดแคสต์อย่างสม่ำเสมอ ก็ถือเป็นการสื่อสารกับลูกค้าที่ดีวิธีหนึ่ง หากแบรนด์มีการสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จะแสดงถึงความใส่ใจที่ทางแบรนด์มีต่อลูกค้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขายสินค้าของแบรนด์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
5. การให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์
วิธีนี้ถือเป็นการสร้างความภักดี และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์สินค้า เช่น การสร้างแคมเปญให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์กับทางแบรนด์ หรือการใช้ระบบสะสมแต้ม การใช้ระบบสะสมแต้มนั้นเสมือนเป็นการสร้าง Loyalty Program โดยมีการสะสมแต้มเพื่อแลกรับสิทธิพิเศษ หรือรางวัลต่าง ๆ หากแบรนด์สินค้าเลือกใช้ระบบการสะสมแต้ม ลูกค้าจะเกิดความรู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ และมีโอกาสที่จะซื้อซ้ำมากขึ้น นับว่าเป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทางแบรนด์อย่างแน่นอน
สรุป
ทั้ง 5 วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์สินค้ารู้จักลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งผู้ประกอบการรู้จักลูกค้าได้ดีกว่าคู่แข่งมากเท่าไหร่ ยิ่งก่อให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของตนเองมากเท่านั้น ดังนั้นการทำความรู้จักลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม หากแบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าแล้วนำไปปรับปรุงและพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและการใช้งานของลูกค้า แน่นอนว่าธุรกิจจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
Pointspot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มดิจิทัลด้วยเบอร์โทร เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทางแบรนด์สามารถเลือกใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า Pointspot มี Customer insights ที่จะทำให้คุณทราบข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า และสามารถนำไปต่อยอดทางการตลาดได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังมีการสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัลหรือโปรโมชันต่าง ๆ ที่ใช้เพียงเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น นับว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง