เช็คเลย 5 วิธีเลือกเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ให้ยอดขายปัง

ท่ามกลางเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่มีให้เลือกใช้มากมายในปัจจุบัน การจะเลือกให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ต้องอาศัยประสบการณ์ด้านการตลาดออนไลน์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบ Loyalty Program ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ และพฤติกรรมลูกค้าด้วย เพราะอย่าลืมว่าถึงคุณจะตั้งเป้าหมายไว้สวยหรูอย่างไร แต่ถ้าลูกค้าไม่ทำตามก็เปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ยังต้องใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์มาช่วยผ่อนแรงด้วย จึงจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุน บทความนี้จะเป็นไกด์ไลน์ให้กับธุรกิจในการเลือกเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ให้เหมาะสม ช่วยเพิ่มยอดขายและการซื้อซ้ำ ทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อธุรกิจและกลายเป็นลูกค้าประจำได้

Loyalty Program จะเวิร์กได้ก็ต่อเมื่อธุรกิจนำมาใช้อย่างถูกที่ ถูกเวลา และใช้เต็มหน้าที่ของมัน แต่งานบางอย่างก็เกินกำลังที่คนหรือพนักงานจะทำได้ เช่น คุณอยากจะส่ง SMS อวยพรลูกค้าที่เกิดในเดือนหนึ่ง พร้อมแนบคูปองไปให้ลูกค้าด้วย หากใช้คน ก็อาจต้องไปไล่ดูในฐานข้อมูลว่ามีลูกค้าท่านไหนบ้างที่เข้าข่าย เมื่อคัดรายชื่อกับเบอร์โทรมาได้แล้ว ก็ต้องดีไซน์คูปองให้เหมาะกับการส่งทาง SMS จากนั้นจึงใช้มือถือส่ง SMS หาลูกค้าทีละราย หากลูกค้ามีไม่มาก ก็อาจทำได้ แต่ถ้ามีลูกค้าเป็นจำนวนมาก การใช้คนในงานลักษณะนี้จะทำให้สิ้นเปลืองเวลาและต้นทุนเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ว่า ทำไมธุรกิจจึงต้องหาเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์มาใช้งาน

 

ปัจจุบันมีเครื่องมือการตลาดออนไลน์ให้เลือกใช้เป็นจำนวนมาก แต่ละแบบก็มีฟีเจอร์และตัวเลือกการใช้งานแตกต่างกันไป PointSpot ขอแนะนำวิธีเลือกเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ดังต่อไปนี้

 

1. เลือกให้ตรงโจทย์ Loyalty Program ที่จะทำ

 

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า เครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์นั้นมีหลายแบบ คุณควรเลือกว่าเครื่องมือใดมีฟีเจอร์สามารถทำได้ตรงกับความต้องการของธุรกิจหรือลักษณะ Loyalty Program ที่จะทำ ยกตัวอย่างเช่น

 

ต้องการสะสมพอยท์แบบธรรมดา หมายถึงลูกค้าที่เป็นสมาชิกทุกคนสามารถสะสมพอยท์ได้เหมือนกัน ด้วยอัตราการแปลงพอยท์เดียวกันหมด เช่น 25 บาทได้ 1 พอยท์ เป็นต้น เมื่อสะสมแต้มครบก็สามารถแลกรางวัลได้ทันทีและเริ่มสะสมใหม่ ความต้องการแบบนี้แทบจะทุกเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์น่าจะสามารถทำได้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

 

แต่หากต้องการสะสมพอยท์แบบแบ่งระดับ หมายถึงมีการแบ่งลูกค้าออกเป็นระดับต่าง ๆ อาจแบ่งตามจำนวนเงินที่ลูกค้าซื้อกับธุรกิจ หรือจำนวนครั้งที่มาใช้บริการ ถ้าเป็นลูกค้าชั้นดีก็ได้รับบัตรสมาชิกระดับ Platinum แต่ถ้าซื้อน้อยหรือใช้บริการไม่บ่อยก็ได้รับบัตรสมาชิกระดับ Basic ซึ่งอัตราการแปลงพอยท์จะไม่เท่ากัน เช่น ระดับ Platinum อาจจะแค่ 10 บาทได้ 1 พอยท์ ส่วน Basic เป็น 20 บาทได้ 1 พอยท์ เป็นต้น ในเคสนี้ก็ต้องหาเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ ยกตัวอย่าง PointSpot ที่มีระบบบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับ และมีฟีเจอร์อัตราแปลงพอยท์ที่ต่างกันได้ เป็นต้น หากสนใจสามารถสมัครใช้งานฟรี คลิกที่นี่

 

 

2. ต้องมีกิจกรรม Loyalty Program ที่น่าสนใจ

 

ยุคนี้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย และมีสิ่งต่าง ๆ คอยดึงดูดใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น Loyalty Program ที่ทำ หากมีแต่สะสมพอยท์อย่างเดียว ก็อาจน่าเบื่อ ส่งผลให้ลูกค้าเลิกสะสมพอยท์และไม่มาซื้อกับธุรกิจคุณอีก นอกจากต้องให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าเป็นพื้นฐานแล้ว ยังต้องมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ลูกค้าได้เข้าร่วมอีกด้วย ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้าง Brand Loyalty หรือปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจให้เกิดขึ้นแล้ว หากน่าสนใจมาก ๆ ยังอาจทำให้ลูกค้าช่วยโปรโมตธุรกิจให้ฟรี ๆ อีกด้วย สามารถสร้าง Brand Awareness หรือการรับรู้แบรนด์ให้เกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น

 

กิจกรรมโอนพอยท์ให้เพื่อน เป็นการเปิดโอกาสให้การสะสมพอยท์ขยายวงออกไปกว้างมากยิ่งขึ้น ด้วยการอนุญาตให้สามารถโอนพอยท์ไปให้คนอื่นได้ ช่วยเพิ่มสีสันและความสนุกให้เกิดขึ้นได้ เพราะสามารถให้คนรู้จักช่วยกันสะสมพอยท์ และโอนไปให้กันและกัน เพื่อแลกของรางวัลที่ใหญ่และมีมูลค่ามากขึ้นได้

 

กิจกรรมวงล้อเพิ่มพอยท์ เป็นเกมที่ให้ลูกค้าร่วมสนุกโดยการหมุนวงล้อ และเพิ่มพอยท์ตามผลลัพธ์ของวงล้อ โดยอาจตั้งเงื่อนไขในการเล่นบางอย่างไว้ เช่น ซื้อครบทุก 500 บาท หรือสะสมครบทุก 200 พอยท์ จะได้สิทธิ์หมุนวงล้อ 1 ครั้ง เป็นต้น ก็จะช่วยสร้างสีสัน ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากสะสมพอยท์เพิ่ม เนื่องจากมีตัวช่วยและผ่อนแรงในการสะสม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้นด้วย เพื่อจะได้รับสิทธิ์ในการหมุนวงล้อเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ลูกค้าบอกต่อคนรู้จัก ชักชวนให้มาซื้อกับธุรกิจของคุณ ช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ได้อีกทาง

 

ฟีเจอร์ในลักษณะนี้ไม่ได้มีในทุกแพลตฟอร์ม Loyalty Program ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกใช้ ทั้งนี้ตัวธุรกิจเองก็ต้องคิดและวางแผนกิจกรรมเหล่านี้ไว้ก่อน ไม่ควรรอให้เริ่มทำ Loyalty Program ไปแล้ว ค่อยมาคิดกิจกรรมเพิ่มภายหลัง เพราะเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ใช้ อาจไม่สามารถเพิ่มฟีเจอร์ที่คุณต้องการได้

 

 

3. ต้องมีความปลอดภัยสูง รองรับ PDPA

 

แน่นอนว่า Loyalty Program ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลของลูกค้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น เมื่อจะให้ลูกค้าสมัครสมาชิกสะสมพอยท์ ก็ต้องมีการขอข้อมูลชื่อ เบอร์มือถือ อีเมล วันเกิด รูปถ่าย หรือแม้กระทั่งที่อยู่ ดังนั้นจึงควรเลือกระบบ Loyalty Program ออนไลน์ที่มีความปลอดภัยสูง มีการเข้ารหัสข้อมูลทุกอย่าง มีเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีข้อมูลรั่วไหล หรือเผยแพร่ออกสู่สาธารณะโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

นอกจากนี้ จากการบังคับใช้ PDPA (Personal Data Protection Act) หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ทุกธุรกิจจะต้องมีการแจ้งและขอความยินยอมจากลูกค้าก่อน ว่าจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ทำอะไร เปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องฝ่ายไหนบ้าง รวมถึงต้องแจ้งว่าลูกค้ามีสิทธิดำเนินการอะไรบ้างกับข้อมูลของตัวเอง (*ล่าสุดกฎหมาย PDPA ถูกเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี)

 

ดังนั้นเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่ธุรกิจเลือกใช้ จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาทั้งหมด การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นธุรกิจคุณนอกจากจะเสียชื่อเสียงและความเชื่อมั่นจากลูกค้าแล้ว ยังอาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายด้วย หากต้องการหาเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่มีความปลอดภัยสูง และเป็นไปตามข้อกฎหมาย PDPA ขอแนะนำ PointSpot พัฒนาโดย Readyplanet ซึ่งได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัย IT Security ระดับโลก ISO 27001:2013 และมีฟีเจอร์ในการขอความยินยอมจากลูกค้าตาม PDPA ด้วย สามารถลงทะเบียนเพื่อใช้งานได้ฟรี คลิกที่นี่

 

 

4. ต้องใช้งานง่ายทั้งลูกค้า และแอดมิน

 

จุดประสงค์ที่สรรหาเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์มาใช้งานก็เพื่อผ่อนแรง ไม่ใช่เพิ่มภาระ ดังนั้นหลักการที่สำคัญข้อหนึ่งในการเลือกก็คือ ระบบต้องใช้งานง่าย ทั้งในฝั่งลูกค้าและฝั่งแอดมินด้วย

 

ลูกค้าควรสามารถเช็คพอยท์ที่สะสมได้ รวมถึงแลกของรางวัลได้ด้วยตนเองผ่านมือถือ เครื่องมือ Loyalty Program ที่ดีควรมี Portal หรือพูดง่าย ๆ ก็คือหน้าเว็บที่ลูกค้าสามารถใช้มือถือของตัวเองเข้าไปดูทุกสิ่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องคอยถามพนักงาน ก็จะช่วยผ่อนแรงพนักงานไปได้มาก และไม่ต้องดาวน์โหลดแอปใด ๆ ด้วย ข้อมูลสำคัญที่ Portal ควรมีให้ลูกค้าดูคือ

 

  • จำนวนพอยท์ที่ลูกค้าสะสม

 

  • ของรางวัลที่สามารถแลกได้

 

  • บัตรสมาชิกที่ลูกค้าถืออยู่

 

  • ประวัติการแลกพอยท์

 

  • คูปองที่ลูกค้าได้รับ

 

  • ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งสามารถแก้ไขเองได้

 

และหากลูกค้าสามารถแลกของรางวัล หรือกดใช้คูปองได้เองด้วย ก็จะยิ่งเป็นเครื่องมือ Loyalty Program ที่ถือว่าใช้ง่าย และสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ในฝั่งแอดมินหรือพนักงาน ก็ต้องใช้งานง่าย ไม่ควรเป็นการลงโปรแกรมเป็นเครื่อง ๆ แต่ควรเป็นระบบ Cloud คือแอดมินทุกคนสามารถใช้งานร่วมกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ต มีเมนูฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน เช่น สามารถให้พอยท์กับลูกค้าได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่คลิก ไม่ทำให้ลูกค้ารอนาน และประหยัดเวลาพนักงานด้วย เป็นต้น

 


5. ต้องมีตัวช่วยสรุปและวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมทำรายงาน

 

จุดเด่นของเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์คือ สามารถเก็บข้อมูล ประมวลผล และทำรายงานได้ ทำให้สามารถคาดการณ์และวางแผนการตลาดในอนาคตได้ หากไม่มีหรือไม่ได้เน้นในส่วนนี้ก็ถือว่า เครื่องมือนั้น ๆ ทำ Loyalty Program แบบผิวเผินมาก ไม่ควรเลือกมาใช้งานอย่างยิ่ง

 

รายงานที่มีให้ดูในแต่ละเครื่องมือก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาระบบ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสามารถวัดผลได้ในทุกสิ่งที่ทำ คลิกดูผลลัพธ์และนำเสนอเป็นรายงานให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ได้ และสามารถ Export ข้อมูลออกมาได้ และหากเป็นเครื่องมือ Loyalty Program ดี ๆ จะมีฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าด้วย เช่น รายงาน RFM Analysis เป็นการวิเคราะห์ว่าลูกค้ารายใดเป็นลูกค้าที่ดีที่สุด โดยการตรวจสอบว่า ลูกค้าแต่ละรายซื้อล่าสุดเมื่อไหร่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ซื้อบ่อยแค่ไหน และจำนวนเงินที่ลูกค้าใช้จ่ายเป็นเท่าไหร่ เป็นต้น ก็จะทำให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมและทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ถูกใจลูกค้ายิ่งขึ้น

 


PointSpot สรุป

 

จากที่ได้แนะนำไป ทุกท่านคงจะพอมองออกแล้วว่า จะมีวิธีในการเลือกเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์อย่างไร จุดสำคัญคือต้องตรงกับสิ่งที่ธุรกิจต้องการ กลยุทธ์ Loyalty Program ต้องสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่จะเอามาประยุกต์ใช้ เครื่องมือ Loyalty Program เป็นเพียงตัวช่วยให้ไปถึงเป้าได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยทำงานในลักษณะที่คนทำได้ยากหรือทำไม่ได้เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การที่ธุรกิจสามารถนำเครื่องมือนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หากทำได้ตามนี้ ปลายทางที่ธุรกิจมุ่งหวังไว้ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

 

สมัครใช้งานฟรี! PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร

หากต้องการเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวข้างต้น แนะนำให้สมัครใช้งาน PointSpot ซึ่งมีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้ม คูปองโปรโมชั่นบัตรสมาชิกดิจิทัล Gift Voucher ออนไลน์ และ Loyalty Program   อื่น ๆ คลิกที่ปุ่มด้านล่างนี้เพื่อลงทะเบียนใช้งานฟรี!

PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร เพิ่มยอดขาย เพิ่มลูกค้าประจำ ด้วย Loyalty Program และคูปองโปรโมชั่น ใช้งานง่าย ไม่ต้องพกบัตร ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัลในการทำ CRM ช่วยสร้างการซื้อซ้ำ และจดจำแบรนด์

Updated: 20 May 2021 | Produced by: Ploynaphat Wattanachodjirachai