ตอบ 8 ข้อสงสัยที่ลูกค้าอยากรู้ ก่อนเข้าร่วม Loyalty Program
ถ้ากล่าวถึงสุดยอดเครื่องมือที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าพร้อมรักษาความสัมพันธ์ให้ลูกค้าอยู่กับธุรกิจไปนาน ๆ Loyalty Program ทั้งหลาย อาทิเช่น ระบบบัตรสมาชิก บัตรสะสมแต้ม คูปองโปรโมชั่น และบัตรกำนัล ย่อมเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ธุรกิจนึกถึง
แต่ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจเข้าร่วมและใช้ Loyalty Program ต่าง ๆ ตามที่ธุรกิจเชิญชวน พวกเขาอาจมีคำถามที่ต้องการให้ธุรกิจชี้แจงข้อมูลอย่างชัดเจนก่อน ซึ่ง PointSpot Blog รวบรวมแนวทางและเครื่องมือต่าง ๆ มาให้ธุรกิจเตรียมตัวตอบข้อสงสัยยอดฮิต เพื่อพิชิตใจลูกค้ามาร่วมโปรแกรมความภักดี ที่จะนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำและสร้างลูกค้าประจำได้ในอนาคต ดังต่อไปนี้
1. ของรางวัลที่จะได้รับจาก Loyalty Program คืออะไร?
สิ่งแรกที่ลูกค้าจะต้องอยากทราบก่อนจะเข้าร่วม Loyalty Program มากที่สุด ก็คือ "ของรางวัลคืออะไร" ที่จะได้รับจากโปรแกรมความภักดี และแน่นอนว่า ของรางวัลที่ธุรกิจจะมอบให้ลูกค้าย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของธุรกิจ ตัวอย่างเข่น ธุรกิจร้านกาแฟและคาเฟ่ อาจมอบเครื่องดื่มฟรีเป็นของรางวัลให้กับลูกค้า ส่วนธุรกิจร้านเสริมสวย สามารถมอบคูปองส่วนลดในการใช้บริการต่าง ๆ ได้ เป็นต้น
แต่หากต้องการมอบของรางวัลอื่น ๆ นอกเหนือจากสินค้าหรือบริการที่มีในร้าน อย่าลืมคำนึงถึงประโยชน์และความมีคุณค่าต่อลูกค้าของคุณ เช่น ร้านกาแฟอาจแจกแก้วกาแฟ ที่สามารถนำมาใช้ซื้อกาแฟที่ร้าน พร้อมรับส่วนลดเพิ่มเติม หรือธุรกิจร้านซาลอนอาจแจกของรางวัลเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ เป็นต้น
ยิ่งธุรกิจมีตัวเลือกของรางวัลที่หลากหลาย ตั้งแต่รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกได้ง่าย ไปจนถึงรางวัลใหญ่ที่อาจใช้เวลาในการสะสมแต้มหรือร่วมกิจกรรม แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่ลูกค้าจะรับรางวัลได้ หากมีการกลับมาซื้อซ้ำหรือใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการกำหนดของรางวัลให้เลือกได้ตามต้องการมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งครอบคลุมกับฐานลูกค้าที่แตกต่างและหลากหลายได้มากขึ้นเท่านั้น เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าหลายกลุ่ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับประเภทธุรกิจด้วย
2. ข้อมูลส่วนตัวที่จะใช้ ต้องเปิดเผยมากแค่ไหน?
เพราะข้อมูลข่าวสาวในปัจจุบันนั้นสามารถเผยแพร่ไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ และเรามักจะเห็นข่าวคราวของการหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลไปทำธุรกรรมต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ จึงเป็นเหตุให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความตระหนักในการให้และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้อื่น เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือ ข้อมูลบัตรเครดิต บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
และในส่วนของการขอข้อมูลลูกค้าสำหรับใช้เข้าร่วม Loyalty Program ก็เช่นกัน ยิ่งธุรกิจขอข้อมูลลูกค้ามากแค่ไหน ก็ยิ่งลดโอกาสที่ลูกค้าจะเข้าร่วมมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นกังวลเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล รวมถึงลูกค้าอาจรู้สึกว่าการให้ข้อมูลมากเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ธุรกิจจึงควรทำให้การสมัครเข้าร่วมโปรแกรมความภักดีเป็นเรื่องง่าย โดยใช้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็น
อย่างเช่นในระบบ PointSpot ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสมัครง่าย ๆ โดยใช้ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์มือถือในการลงทะเบียนเป็นหลัก และกรอกข้อมูลเพิ่มเติมเพียง ชื่อ-นามสกุล, เดือน-ปีเกิด, และเพศเท่านั้น หลังจากนั้นก็สามารถล็อกอินเข้าใช้งานด้วยเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งจะมีการส่งรหัส OTP ที่ได้รับทาง SMS เพื่อยืนยันการเข้าใช้งานระบบ ทั้งการสะสมแต้ม เก็บคูปอง ตรวจสอบสิทธิ์สมาชิกและใช้ฟีเจอร์อื่น ๆ ได้เลย
ลูกค้าสมัครสมาชิกในระบบ PointSpot ได้ง่าย ๆ กรอกข้อมูลเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้งาน
3. จะได้รับการแจ้งเตือนหรือข้อมูลต่าง ๆ มากเกินไปหรือเปล่า?
หัวข้อนี้เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ลูกค้าจะครุ่นคิดควบคู่กับข้อที่ 3. เพราะเมื่อสมัครเข้าร่วมโปรแกรมความภักดีแล้ว ธุรกิจย่อมมีการติดต่อกลับตามข้อมูลที่แจ้งไป เพื่อให้รายละเอียดและโปรโมชั่นต่าง ๆ ใน Loyalty Program ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องและจำเป็นที่ธุรกิจต้องทำ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสในการดำเนินการ
ยิ่งในยุคดิจิทัลแบบนี้ ก็มีข่องทางมากมายที่ช่วยให้การส่งข้อมูลจากธุรกิจ ติดต่อลูกค้าได้อย่างสะดวก แต่ก็อย่าลืมคำนึงด้วยว่า อะไรที่มากเกินไปก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป การส่งข้อมูลข้อเสนอพิเศษมากเกินความจำเป็นก็อาจสร้างความรำคาญให้กับลูกค้า และจะมองว่าเป็นสแปมได้
ดังนั้น ธุรกิจจึงควรมีการวางแผนในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่าง ๆ ของ Loyalty Program อย่างเป็นระบบระเบียบ ทั้งเนื้อหา กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ความถี่ในการส่ง รวมถึงช่องทางหรือเครื่องมือที่จะประชาสัมพันธ์ข้อมูล
ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบบรอดแคสข้อความ (Broadcast Message) ในระบบ PointSpot ส่ง SMS ส่งตรงข้อมูลโปรโมชั่นให้สมาชิกกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม ไม่รบกวนสมาชิกในกลุ่มอื่น ๆ ให้ต้องได้รับข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือโปรโมชั่นที่ตนไม่มีสิทธิ์ได้อีกด้วย เป็นต้น
4. มีขั้นตอนยากหรือไม่กว่าจะได้ของรางวัล?
อีกหนึ่งคำถามที่ตอกย้ำความท้าทายในการใช้งาน Loyalty Program ของธุรกิจ คือกระบวนการในการกำหนดกิจกรรมที่จะให้ลูกค้าทำเมื่อเข้าร่วมโปรแกรม เพราะธุรกิจต้องหาจุดสมดุลระหว่างการใช้จ่ายของลูกค้าและมูลค่าของรางวัลให้ได้อย่างสมเหตุสมผล เห็นได้ชัดว่าลูกค้าคงไม่อยากจ่ายค่าสินค้า 500 บาท เพื่อรับรางวัลเป็นส่วนลดเพียง 5 บาท หรือในทางกลับกันธุรกิจเองก็ไม่อาจให้รางวัลที่มากเกินไปจนกระทบต่อรายได้หรือกำไรของธุรกิจเช่นกัน ซึ่งอาจไม่มีสูตรตายตัวที่จะกำหนดว่าของรางวัลใดดีที่สุด ธุรกิจอาจต้องลองตั้งค่าในการใช้จ่ายเริ่มต้นและมีการปรับเปลี่ยนของรางวัลได้ตามความเหมาะสม
และหากใช้งานระบบ Loyalty Program แบบออนไลน์ จะทำให้การตั้งค่าของรางวัลต่าง ๆ ง่ายเพียงไม่กี่คลิก แต่อย่าลืมว่าเมื่อมีการทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ธุรกิจต้องอัพเดทให้ลูกค้าและสมาชิกที่ร่วมโปรแกรมความภักดีทราบด้วย เพื่อความโปร่งใสและแสดงความจริงใจในการให้บริการ
5. สามารถอัพเกรดระดับสมาชิกได้หรือไม่?
โดยปกติ การให้ลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกของธุรกิจ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากกว่าการซื้อแบบทั่วไป ก็สามารถดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำอย่างสม่ำเสมอได้ระดับหนึ่ง ยิ่งหากมีการแบ่งระดับสมาชิกเป็นขั้นต่าง ๆ (Member Tiered) ที่ระดับยิ่งสูงขึ้นก็จะได้รับสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นมากขึ้น ก็จะกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมีส่วนร่วมในโปรแกรมความภักดีมากขึ้นได้อีกด้วย
แต่หากระบบสมาชิกที่ธุรกิจใช้งานยังเป็นบัตรสมาชิกรูปแบบกระดาษ อาจทำให้การบริหารจัดการในการอัพเกรดให้กับลูกค้านั้นทำได้ช้า เพราะมีขั้นตอนในการพิมพ์บัตรและใช้เวลาในการจัดส่ง ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจจึงใช้ระบบสมาชิกเพียงแค่ระดับเดียว
และทางออกของปัญหานี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกใช้เครื่องมือ Loyalty Program แบบออนไลน์ ซึ่งจะลดความยุ่งยากในการอัพเกรดระดับสมาชิกให้กลายเป็นเรื่องง่าย อย่างเช่น ฟีเจอร์บัตรสมาชิกดิจิทัลในระบบ PointSpot นอกจากจะสามารถแบ่งระดับบัตรได้ถึง 3 ระดับ เพื่อให้สิทธิพิเศษที่แตกต่างอย่างหลากหลายให้กับลูกค้าคนสำคัญ และยังสามารถจัดการออกบัตรหรืออัพเกรดระดับสมาชิกให้ลูกค้าได้ทันทีในไม่กี่คลิก นอกจากนี้ ฝั่งลูกค้าเองยังสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานรวมถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง แค่กดลิงก์ SMS ที่ได้รับ ในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการด้วย
6. บัตรและคะแนนต่าง ๆ มีวันหมดอายุหรือไม่?
หลังจากที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัคร Loyalty Program แล้ว หากลูกค้าเริ่มมีความรู้สึกสนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้รับของรางวัลหรือโปรโมชั่นที่ต้องการ จะต้องอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันหมดอายุของบัตรสมาชิกต่าง ๆ หรือแคมเปญการสะสมแต้ม เพื่อนำไปสู่การเตรียมตัวหรือคำนวณคร่าว ๆ ว่าจะบริหารจัดการการซื้อสินค้าหรือใช้บริการของตัวเองอย่างไรให้ได้สิทธิประโยชน์หรือของรางวัลที่ต้องการ จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ธุรกิจจำเป็นต้องแจ้งอย่างชัดเจน ให้ลูกค้าทราบว่าบัตรต่าง ๆ หรือระบบสะสมแต้มในโปรแกรมความภักดีที่ใช้จะมีวันหมดอายุหรือไม่ หมดอายุเมื่อใด และช่วยให้ลูกค้าทราบว่าควรแลกของรางวัลเมื่อใด
ซึ่งเงื่อนไขเกี่ยวกับวันหมดอายุนั้น ธุรกิจจะใช้งานหรือไม่ก็ได้ เพราะสามารถกำหนดได้ตามความเหมาะสมกับแคมเปญหรือกิจกรรม แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีกำหนดขอบเขตวันหมดอายุ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ห่างหายทิ้งช่วงไปนานจนลืม และธุรกิจเองสามารถเป็นฝ่ายแจ้งเตือน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ เพื่อสะสมแต้มและแลกรางวัลต่าง ๆ ใน Loyalty Program อย่างต่อเนื่องก่อนที่จะหมดอายุได้อีกทางหนึ่งด้วย
ตัวอย่างฟีเจอร์บัตรสมาชิกในระบบ PointSpot สามารถกำหนดวันหมดอายุหลังจากได้รับบัตรสมาชิก 12 เดือน หรือ 24 เดือนได้
7. ประสบการณ์ใหม่ ๆ จาก Loyalty Program น่าสนใจหรือไม่?
ลองนึกภาพว่า หากคุณมีโอกาสใช้บริการหรือซื้อสินค้าที่ร้านค้า และทราบว่ามีข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นของรางวัลจากการสะสมแต้ม คูปองส่วนลด ไปจนถึงการรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนใคร หรือการเข้าใช้บริการฟรี และสิทธิประโยชน์มากมายจากการเข้าร่วม Loyalty Program ย่อมทำให้คุณอยากสมัครเป็นสมาชิกแน่นอน เพื่อเปิดโอกาสรับประสบการณ์ดี ๆ ที่จะได้จากการช็อปปิ้งสินค้าในอนาคตได้มากกว่าเดิม
แน่นอนว่า การเป็นสมาชิกและเข้าร่วม Loyalty Program ของธุรกิจ ย่อมทำให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์และโอกาสพิเศษต่าง ๆ เหนือกว่าลูกค้าทั่วไป ซึ่งธุรกิจต้องกำหนดรายละเอียดและทำการประกาศอย่างชัดเจนว่าสมาชิกจะได้รับอะไรบ้าง เพื่อสร้างความพึงพอใจและประสบกาารณ์ใหม่ ๆ ให้กับสมาชิกได้รับมากกว่าลูกค้าทั่วไป รวมถึงข้อมูลโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ธุรกิจประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ Loyalty Program ออกไป ยังเป็นการเชิญชวนบุคคลภายนอกและดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมให้เกิดความสนใจและอยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมได้อีกด้วย
8. Loyalty Program คุ้มค่าหรือไม่ในท้ายที่สุด?
จากคำถามข้างต้นที่ลูกค้ามักจะมีความสงสัยเกี่ยวกับ Loyalty Program ในบางข้อหรือทั้งหมดนี้ หากธุรกิจสามารถให้คำตอบกับลูกค้าได้ ก็ช่วยทำให้ลูกค้าได้คำตอบสุดท้ายในการตัดสินใจ ว่าการสมัครเข้าร่วมโปรแกรมความภักดีของธุรกิจในครั้งนี้นั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ ทั้งในด้านเวลา การลงทุนใช้จ่าย และความยาก-ง่ายในการใช้งานของระบบ Loyalty Program และขั้นตอนที่ธุรกิจจะเลือกใช้ด้วย
และอย่าลืมเปิดใจให้กับทางเลือกในการใช้ Loyalty Program ด้วยเครื่องมือยุคดิจิทัล ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานให้กับทั้งธุรกิจและลูกค้า ลดภาระทั้งต้นทุนและเวลาในการใช้งาน จาก PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร พร้อมให้ธุรกิจกระตุ้นยอดขายและชยายฐานลูกค้าได้ ผ่านการให้พอยท์ ของรางวัล คูปองโปรโมชั่น และระบบสมาชิกออนไลน์จากหน้าเว็บไซต์ โดยไม่จำกัดว่าลูกค้าจะต้องมาซื้อหรือใช้บริการที่หน้าร้านเท่านั้น และยังสามารถวัดผลการใช้งานจากรายงานสรุปต่าง ๆ เพื่อต่อยอดการใช้งาน Loyalty Program ให้ตอบโจทย์ ตรงใจลูกค้า พาธุรกิจให้เติบโตต่อไปในอนาคตได้ไม่สิ้นสุด
PointSpot เครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ กระตุ้นยอดขายและการซื้อซ้ำ พร้อมทำ CRM
ขอแนะนำ PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร สำหรับธุรกิจที่สนใจใช้เครื่องมือ Loyalty Program แบบออนไลน์ สร้างกิจกรรมกระตุ้นการซื้อซ้ำพร้อมทำ CRM สร้างลูกค้าประจำ เพื่อเพิ่มออเดอร์และยอดขายให้ปัง พร้อมให้บริการกับลูกค้าได้ทั่วทุกที่
ด้วยฟีเจอร์ครบครันแบบ All-in-one ไม่ว่าจะเป็น บัตรสมาชิกออนไลน์สำหรับธุรกิจ, ระบบสะสมแต้มด้วยเบอร์โทรศัพท์ลูกค้า, คูปองโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม, ไปจนถึงบัตรกำนัล (Gift Voucher) และยังมีรายงานธุรกิจ สรุปวิเคราะห์ผลการดำเนินงานอีกด้วย ทั้งหมดนี้ใช้งานผ่าน Web Browser ได้เลย ไม่ต้องลงแอป ที่สำคัญ สมัครฟรี! และเริ่มใช้ได้ทันที คลิกที่แบนเนอร์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเลย!
Updated: 1 March 2021 | Produced by: Punthipa Sriboot