5 เหตุผล ที่ธุรกิจควรใช้ระบบสะสมแต้มแบบดิจิทัล
ระบบบัตรสะสมแต้ม นับเป็นเครื่องมือ Loyalty Program และกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยสร้างความภักดีขั้นพื้นฐาน ด้วยความสามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างลูกค้าประจำให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดีและเป็นที่ยอมรับกันมาอย่างยาวนาน
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปและเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น รูปแบบของการสะสมแต้มที่อยู่ในมือก็ถูกเปลี่ยนจากบัตรกระดาษให้กลายเป็นข้อมูลบนสมาร์ทโฟนได้แล้ว ซึ่งมาพร้อมกับข้อดีที่มากกว่าแค่ความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน ดังตัวอย่าง 5 เหตุผลที่ธุรกิจควรเริ่มใช้ระบบบัตรสะสมแต้มแบบดิจิทัล ต่อไปนี้
ภาพการใช้บัตรสะสมแต้มที่เราคุ้นตามาตลอดก็คือ พนักงานที่หลังเคาท์เตอร์ชำระเงินจะมีกล่องใส่บัตรกระดาษใบเล็ก ๆ และตราประทับ ซึ่งจะแสตมป์ลงบนบัตรนับจากยอดการซื้อของลูกค้า อีกทั้งพนักงานอาจช่วยย้ำเตือนด้วยว่าให้นำบัตรนี้กลับมาเมื่อซื้อหรือใช้บริการครั้งหน้าเพื่อสะสมแต้มรับของรางวัลด้วย แต่เมื่อลูกค้ากลับมาที่ร้านอีกครั้ง ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ลืมนำบัตรสะสมแต้มมาด้วย จนต้องรับบัตรใหม่ที่มีตราประทับเพียงดวงเดียวกลับไปอยู่หลายใบ หรือลูกค้าทำบัตรหาย และบางรายอาจถึงขั้นเผลอทิ้งไปพร้อมใบเสร็จก็มี เหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ท้าทายว่าระบบบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษจะทำให้การใช้งาน Loyalty Program ของธุรกิจมีสมาชิกร่วมทางไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
แต่ในปัจจุบัน มีระบบ Loyalty Program รูปแบบดิจิทัล ซึ่งบริหารจัดการแบบออนไลน์แทนที่การใช้บัตรกระดาษ ที่จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ข้างต้นที่ต้องประสบพบเจอเมื่อใช้บัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ และได้รับการยอมรับจากลูกค้ากลุ่มใหญ่เลยทีเดียว โดยมีข้อมูลในรายงาน Digital Transformation of SMBs: The Future of commerce จัดทำโดย VISA ซึ่งได้ทำแบบสำรวจเกี่ยวกับการใช้งาน Loyalty Program ได้ระบุไว้ว่า มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 10% ที่ชอบระบบสะสมแต้มแบบดั้งเดิม แต่อีกส่วนของผู้บริโภคถึง 90% นั้นเลือกที่จะใช้โปรแกรมความภักดีในรูปแบบดิจิทัลแล้ว
นอกจากตัวเลขผู้ใช้งานที่ยอมรับจำนวนมากแล้ว ยังมีข้อดีที่เป็นเหตุผลระบุว่า ทำไมธุรกิจจึงควรใช้งานระบบบัตรสะสมแต้มแบบดิจิทัล ดังต่อไปนี้
1. ระบบสะสมแต้มแบบดิจิทัล เป็นสื่อช่วยตอบแทนความภักดีของลูกค้า
เพราะการรักษาฐานลูกค้าเก่าที่เคยซื้อสินค้าหรือใช้บริการกับธุรกิจมาก่อนแล้วนั้น ด้วย Loyalty Program จะทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำมากถึง 60-80% ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ได้ถึง 5 เท่า
และการตอบแทนความภักดีของลูกค้าที่ง่ายและใกล้ตัวมากที่สุด คือ การใช้ระบบสะสมแต้ม ซึ่งจากรายงานของ VISA ดังที่ระบุไว้ข้างต้น ยังมีสถิติที่น่าสนใจเพิ่มเติมด้วยว่า 65% ของผู้บริโภคที่ทำแบบสำรวจ มีการตรวจสอบก่อนที่จะเข้าไปซื้อสินค้าหรือบริการที่ร้าน เพื่อดูว่าแบรนด์ของธุรกิจมีการใช้ Loyalty Program หรือไม่ และมีผู้บริโภคถึง 78% จะเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการธุรกิจที่มีการใช้ Loyalty Program มากกว่าธุรกิจที่ไม่มีเครื่องมือนี้
และเหตุผลหลักที่ลูกค้าชื่นชอบสนใจร่วมโปรแกรมความภักดีด้วยระบบสะสมแต้มนี้ ก็คือของรางวัลและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ลูกค้าสามารถนำพอยท์ที่สะสมได้มาแลกนั่นเอง ยิ่งธุรกิจมีการใช้ระบบสะสมแต้มแบบดิจิทัลหรือออนไลน์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของลูกค้าให้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการสะสมแต้มแทนบัตรกระดาษ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการสะสมแต้มตามที่ต้องการได้มากขึ้น และธุรกิจเองก็จะได้ลูกค้าประจำที่มีการกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่องได้
นอกจากนี้ ในการให้ลูกค้ามาสมัครเป็นสมาชิกเข้าร่วม Loyalty Program แบบดิจิทัล ยังช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลที่บัตรกระดาษไม่สามารถมอบให้ได้ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลวันเกิด หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดแคมเปญด้านการตลาดต่าง ๆ ได้ เช่น ใน PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร จะมีฟีเจอร์การส่งคูปองโปรโมชั่น หรือคูปองแจกฟรีแบบออนไลน์ ให้กับลูกค้าเป็นของขวัญตามเดือนเกิดแต่ละเดือนได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกประทับใจ ทำให้ลูกค้าไม่ลืมธุรกิจ และยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย เป็นต้น
2. ผู้บริโภคใช้งานบนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ง่ายกว่าพกบัตรกระดาษ
หากจะกล่าวว่าโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนกลายมาเป็นอุปกรณ์หลัก ทั้งในการโทรเพื่อติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ บนโลกออนไลน์เกือบจะเต็มรูปแบบแล้วก็คงไม่ผิด เพราะข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือจาก We Are Social ซึ่งเป็นสถิติในไตรมาสที่ 4 ช่วงเดือนตุลาคมของปี 2020 ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ใช้ฟีเจอร์โฟน หรือโทรศัพท์มือถือที่มีปุ่มกดเหลืออยู่แค่ 3% ทั่วโลกเท่านั้น ในขณะที่การใช้สมาร์ทโฟนนั้นมีสูงถึง 90% และยังถูกใช้ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยนวันละกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง สมาร์ทโฟนจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่กลมกลืนไปกับชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกแล้ว
ภาพประกอบจาก We Are Social
ดังนั้น หากธุรกิจสามารถนำบัตรสะสมแต้มกระดาษย้ายไปอยู่ในสมาร์ทโฟนแทน แม้จะอยู่ในมือของลูกค้าเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกันมาก เพราะนอกจากลูกค้าจะสะดวกกับการดูแลข้อมูลการสะสมแต้มของตนเองผ่านโทรศัพท์มือถือได้แล้ว ธุรกิจยังสามารถส่งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสะสมแต้มเพิ่มเติมไปยังลูกค้าได้ตลอดเวลา ช่วยสร้างกิจกรรมและปฏิสัมพันธ์อื่น ๆ ที่บัตรสะสมแต้มแบบกระดาษไม่สามารถทำได้
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มาใหม่ที่ธุรกิจต้องการจะโปรโมทให้เป็นที่รู้จัก และกระตุ้นให้ลูกค้าและสมาชิกสนใจและมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น ธุรกิจสามารถจัดกิจกรรมการมอบพอยท์พิเศษมากกว่าปกติเมื่อซื้อสินค้าใหม่เหล่านี้ โดยสามารถใช้ฟีเจอร์ระบบพอยท์รายสินค้า (Product Level Points) ในระบบ PointSpot ที่ให้ธุรกิจกำหนดจำนวนพอยท์ที่จะมอบให้ลูกค้าตามชนิดของสินค้าแต่ละชิ้นได้โดยตรง เช่น ซื้อสินค้าใหม่ 1 ชิ้น รับทันที 3 พอยท์ จากปกติจะได้รับ 1 พอยท์ เป็นต้น
และเพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลกิจกรรมอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ธุรกิจสามารถเลือกใช้งานฟีเจอร์บรอดแคสต์ข้อความ (Broadcast message) เพื่อส่งข้อความไปหาสมาชิกจำนวนมากในเวลาเดียวกัน โดยสามารถเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการ พร้อมระบุข้อมูลที่ต้องการส่งและจำเป็นต่อแคมเปญโปรโมชั่น เช่น แสดงชื่อลูกค้าผู้รับจากระบบอัตโนมัติ หรือลิงก์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญคือ มั่นใจได้ว่าข้อมูลจาก SMS ที่ส่งไปจะถึงมือลูกค้าไม่สูญหายเหมือนใบปลิวหรือบัตรกระดาษอย่างแน่นอน
3. บริหารจัดการระบบบัตรสะสมแต้มออนไลน์ ง่ายกว่า
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับธุรกิจอีกต่อไปที่จะเริ่มต้นใช้ระบบสะสมแต้ม ด้วยเครื่องมือ Loyalty Program รูปแบบดิจิทัลแทนการทำบัตรกระดาษ ในเมื่อธุรกิจสามารถบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ บนช่องทางออนไลน์ ด้วยระบบที่ใช้งานง่ายไม่ต่างกับการใช้งานเว็บไซต์ทั่วไป ไม่ว่าจะใช้งานโดยเจ้าของธุรกิจเองหรือมอบสิทธิ์ให้พนักงานในร้านช่วยก็ได้ ทั้งการรับสมาชิกใหม่ ให้คะแนนสะสมแก่ลูกค้า ไปจนถึงขั้นตอนการจัดการแลกของรางวัล ทั้งหมดนี้ทำได้โดยใช้ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าเป็น Primary Key หรือข้อมูลหลักในการสะสมแต้มได้เลย ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติมเต็มทุกแง่มุมของการบริการไว้ในที่เดียว
และด้วยวิธีนี้จะทำให้หมดปัญหาที่ลูกค้าทำบัตรกระดาษสะสมแต้มหาย หรือมีบัตรหลายใบแต่แต้มไม่เคยครบ จนเป็นเหตุให้ลูกค้าถอดใจและขอจบการร่วม Loyalty Program ไปก่อนเวลา แต่เมื่อใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือสะสมแต้ม โดยลูกค้าจะได้รับ SMS พร้อมลิงก์แจ้งข้อมูลแต้มที่ได้รับให้ตรวจสอบได้ทันที โดยไม่ต้องลงแอปฯ ใด ๆ เพิ่มเติม วิธีนี้จึงเป็นแรงผลักดันให้ลูกค้ามีกำลังใจพร้อมที่จะร่วมโปรแกรมสะสมแต้มจนประสบความสำเร็จตามที่ต้องการได้ โดยการกลับมาซื้อซ้ำ ธุรกิจก็จะได้รับทั้งยอดขายและลูกค้าประจำ เรียกได้ว่า วิน-วิน ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย
4. การใช้งานต่าง ๆ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
แม้ว่าธุรกิจจะพยายามป้องกันกลโกงต่าง ๆ มากเพียงใด แต่ด้วยข้อจำกัดของการใช้งานบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษก็ทำให้ยากต่อการป้องกันและตรวจสอบ เช่น อาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่โกงการแสตมป์บัตรให้มากเกินกว่าที่ควรได้ เพื่อให้ได้รับรางวัลฟรีโดยไว เป็นต้น
แต่ด้วยระบบบัตรสะสมแต้มแบบดิจิทัล ที่นอกจากจะช่วยปกป้องธุรกิจให้รอดพ้นจากสถานการณ์ตัวอย่างข้างต้นได้แล้ว ข้อดีอีกประการที่ธุรกิจจะได้รับอย่างแน่นอนคือ ความสามารถในการบันทึกข้อมูลประวัติการรับ-ส่งพอยท์ต่าง ๆ ลงในระบบแบบออนไลน์ ซึ่งสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปย้อนหลังได้อย่างสะดวก โปร่งใส
อย่างเช่นใน PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร จะมีฟีเจอร์ที่เก็บประวัติการทำรายการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ แล้วสรุปออกมาเป็นรายงานให้เจ้าของธุรกิจสามารถดูย้อนหลังได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็น
- รายงานประวัติทำรายการ (Transactions) จะเป็นการสรุปข้อมูลการทำรายการของสมาชิก ในแต่ละช่วงเวลาที่ต้องการทราบข้อมูล เช่น จำนวนพอยท์ที่ส่ง/ดึงกลับ การแลกพอยท์ การโอนและได้รับพอยท์ เป็นต้น
- รายงานประวัติการทำรายการผู้ดูแลระบบ (Administrator Transaction Report) จะบันทึกประวัติกิจกรรมและการทำรายการของแอดมินทุกคนที่ใช้งานระบบ PointSpot
5. สามารถวัดผลการดำเนินการได้อย่างชัดเจน
ข้อดีอีกประการที่สำคัญซึ่งบัตรสะสมแต้มแบบดิจิทัลจะมอบให้กับธุรกิจได้ก็คือ สามารถวัดผลการดำเนินงานได้ง่าย ด้วยรายงานอัตโนมัติจากระบบ โดยที่ธุรกิจไม่ต้องเสียเวลาในการรวบรวมและจดข้อมูลลงในกระดาษหรือพิมพ์ลงบนโปรแกรมอื่น ๆ แล้วกลับมาคำนวณทุกสิ้นเดือนเหมือนการใช้งานจากระบบบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ ซึ่งอาจมีการตกหล่น สูญหาย หรือบันทึกข้อมูลผิดพลาดได้ง่าย
และด้วยฟีเจอร์รายงานสำหรับธุรกิจ ในระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร PointSpot ที่นำข้อมูลกิจกรรมที่เกิดขึ้นในระบบ นำมาสรุปเป็นรายงานสถิติต่าง ๆ อัตโนมัติกว่า 10 ประเภท และแสดงผลในรูปแบบกราฟแผนภูมิที่เข้าใจง่าย พร้อมให้นำไปใช้งานด้านต่าง ๆ ต่อได้ทันที
ตัวอย่างรายงานธุรกิจในระบบ PointSpot
- Points flow รายงานความเคลื่อนไหวของพอยท์ เป็นรายงานแผนภูมิที่จะสรุปข้อมูลการส่งพอยท์จากธุรกิจให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิก และพอยท์ที่สมาชิกสะสมแล้วนำกลับแลกของรางวัล ในช่วงเวลาต่าง ๆ
- RFM Analysis เป็นรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลตามพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าในระบบ PointSpot จากระยะเวลาที่ลูกค้ามาใช้งานครั้งล่าสุด ความถี่ในการได้รับพอยท์ และยอดเงินที่ลูกค้าใช้จ่าย และนำมาจัดกลุ่มลูกค้าออกเป็น 10 กลุ่ม ตามเปอร์เซนต์การใช้งานในแต่ละกลุ่มอัตโนมัติ ตั้งแต่ระดับความสัมพันธ์ที่มากไปจนถึงน้อย
หน้าจอแสดงผลกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิกทั้ง 10 กลุ่ม ในฟีเจอร์ RFM Analysis จากระบบสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร PointSpot
- รายงานของรางวัล (Rewards Report) ธุรกิจสามารถดูข้อมูลการกดแลกของรางวัลของสมาชิกในแต่ละช่วงเวลาที่ต้องการได้ที่เมนูนี้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจทราบประเภทของรางวัลที่ลูกค้าแลก จำนวนครั้งในการกดแลก และจำนวนครั้งในการนำมายืนยันเพื่อรับของรางวัลกับธุรกิจ
ซึ่งรายงานทั้งหมดนี้ สามารถ Export ส่งออกเป็นไฟล์นามสกุล .xls ให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ ไปใช้ในการวางแผนต่อยอดกิจกรรมและปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการตลาดให้ดียิ่งขึ้นได้โดยง่าย
และทั้งหมดนี้คือเหตุผลดี ๆ ที่ PointSpot Blog อยากแนะนำให้ทุกธุรกิจได้ลองเปิดใจและใช้งานระบบบัตรสะสมแต้มแบบดิจิทัล ที่ใช้งานง่าย มาพร้อมกับเครื่องมือ Loyalty Program ที่สนับสนุนการทำการตลาดและเสริมสร้างความภักดีอย่างครบครัน พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองวันนี้ ใช้งานฟรี! สมัครและเริ่มต้นใช้งานได้เลย
PointSpot เครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ กระตุ้นยอดขายและการซื้อซ้ำ พร้อมทำ CRM
ขอแนะนำ PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร สำหรับธุรกิจที่สนใจใช้เครื่องมือ Loyalty Program แบบออนไลน์ สร้างกิจกรรมกระตุ้นการซื้อซ้ำพร้อมทำ CRM สร้างลูกค้าประจำ เพื่อเพิ่มออเดอร์และยอดขายให้ปัง พร้อมให้บริการกับลูกค้าได้ทั่วทุกที่
ด้วยฟีเจอร์ครบครันแบบ All-in-one ไม่ว่าจะเป็น บัตรสมาชิกออนไลน์สำหรับธุรกิจ, ระบบสะสมแต้มด้วยเบอร์โทรศัพท์ลูกค้า, คูปองโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม, ไปจนถึงบัตรกำนัล (Gift Voucher) และยังมีรายงานธุรกิจ สรุปวิเคราะห์ผลการดำเนินงานอีกด้วย ทั้งหมดนี้ใช้งานผ่าน Web Browser ได้เลย ไม่ต้องลงแอป ที่สำคัญ สมัครฟรี! และเริ่มใช้ได้ทันที คลิกที่แบนเนอร์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเลย!
Updated: 2 March 2021 | Produced by: Punthipa Sriboot