4 กลยุทธ์ ใช้ระบบบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับ อัพยอดขาย ครองใจลูกค้า
เชื่อว่าทุกธุรกิจ ย่อมคาดหวังที่จะมียอดขายตามเป้าหมายทั้งจากลูกค้าใหม่และจากฐานลูกค้าประจำที่กลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย เพราะการจะเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างตัวตนให้ลูกค้ารู้จัก ไว้วางใจในสินค้าและบริการ ไปจนกระทั่งลูกค้ามีความภักดีที่จะไม่เปลี่ยนใจไปหาธุรกิจคู่แข่ง ย่อมต้องใช้เวลาและเครื่องมือดี ๆ ในการบริหารจัดการ
และเพื่อให้จุดประสงค์เหล่านี้เป็นจริงได้ ธุรกิจสามารถใช้หนึ่งในเครื่องมือ Loyalty Program ก็คือ ระบบบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับ (Tiered Member Card) ที่จะช่วยสร้างกิจกรรมและความพึงพอใจให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมและผูกพันกับธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่ง PointSpot Blog บทความนี้ มีเทคนิคและวิธีใช้งานฟีเจอร์ระบบบัตรสมาชิกในยุคดิจิทัลมาแนะนำ ดังต่อไปนี้
Loyalty Program ระบบบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับคืออะไร?
โดยปกติ ระบบสมาชิกแบบทั่วไปก็มีวัตถุประสงค์สำหรับมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นส่วนลด ของแจก ของแถม หรือของรางวัลจากการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมและปฏิสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้าที่เป็นสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ และช่วยให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำหรือใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อให้การใช้ Loyalty Program ด้วยระบบสมาชิกสามารถอำนวยประโยชน์ได้มากขึ้น จึงมีการใช้ ระบบบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับ (Tiered Member Card) เป็นระบบสมาชิกประเภทหนึ่ง ที่สามารถแยกหรือจัดประเภทลูกค้าออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากธุรกิจที่แตกต่างกัน ตามระดับของกลุ่มสมาชิกที่ลูกค้าอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หากลูกค้ายิ่งเป็นสมาชิกในระดับที่สูงขึ้น ก็มักจะได้รับของรางวัลหรือสิทธิประโยชน์พิเศษที่มากขึ้นตามไปด้วย
ทำไมจึงต้องแบ่งระดับสมาชิก?
เมื่อลูกค้าที่เป็นสมาชิกมีการใช้บริการไปในระยะเวลาหนึ่ง ย่อมมียอดซื้อสะสมที่มากขึ้น รวมถึงความผูกพันกับธุรกิจที่มากขึ้นตามไปด้วย การตอบแทนสมาชิกทุกคนด้วยการมอบของรางวัลหรือสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกเพียงระดับเดียว โดยไม่ได้คำนึงว่าสมาชิกแต่ละรายนั้นเป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งมาซื้อ 1-2 ครั้ง หรือเป็นลูกค้าประจำที่กลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง ระบบบัตรสมาชิกเพียงระดับเดียวนี้จึงอาจไม่ตอบโจทย์ต่อสมาชิกที่มีความภักดีต่อธุรกิจก็เป็นได้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าธุรกิจจำเป็นต้องมีการแบ่งระดับสมาชิก เพื่อให้สามารถสมนาคุณแก่สมาชิกที่มีความสัมพันธ์กับธุรกิจที่แตกต่างกันแต่ละระดับได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
นอกจากนี้ ในแง่มุมทางด้านของจิตวิทยา เป็นเรื่องปกติของผู้คนทั่วไปที่มักจะสำรวจสิ่งที่ตนมีหรือสิ่งที่ยังขาด เปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมรอบข้าง เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีมาเติมเต็มให้กับตัวเองในด้านต่าง ๆ และด้วยความต้องการเหล่านี้เอง ที่จะเป็นแรงผลักดันให้คนเราเกิดการพัฒนาหรือก้าวไปสู่ระดับใหม่ดังที่ปรารถนาได้
ซึ่งในระบบสมาชิกก็ได้ประยุกต์ใช้เหตุผลเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้น ด้วยการการแบ่งระดับให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิกใน Loyalty Program จะทำให้ลูกค้ารับทราบได้ว่าพวกเขาอยู่ในตำแหน่งไหนเมื่อเปรียบเทียบกับลูกค้ารายอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับหรือกลุ่มที่มีความคล้ายใกล้เคียงกัน และด้วยความต้องการใช้สินค้าหรือบริการของธุรกิจเป็นหลักอยู่แล้ว บวกกับการได้รับสิทธิประโยชน์หรือของรางวัลที่ธุรกิจมอบให้เพิ่มเติมให้กับสมาชิกในแต่ละระดับ จะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับลูกค้าที่มีความกระตือรือร้นที่จะยกระดับสมาชิกไปในขั้นที่สูงกว่า หรือจนกว่าจะถึงขั้นสูงสุดที่ต้องการ
และด้วยกลยุทธ์ 4 ข้อต่อไปนี้ จะทำให้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากการแบ่งระดับสมาชิกในระบบบัตรสมาชิกได้เป็นอย่างดี ได้แก่
1. แบ่งระดับสมาชิกที่ชัดเจน ด้วยจำนวนระดับไม่น้อย/ไม่มาก และเงื่อนไขไม่ยากเกินไป
เริ่มต้นด้วยเรื่องพื้นฐานของการจัดการระบบสมาชิกแบบแบ่งระดับ คือ เจ้าของธุรกิจต้องวางแผนในการจัดการกลุ่มของสมาชิกใน Tier ระดับต่าง ๆ โดยอาจพิจารณาจากหัวข้อต่อไปนี้
• กำหนดจำนวนระดับของสมาชิกที่เหมาะสม สำหรับการแบ่งจำนวนระดับสมาชิก อาจมี Tier อยู่ที่ประมาณ 2-3 ระดับชั้น เพื่อให้สามารถแยกให้เห็นถึงจุดยืนจากระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูงสุดได้อย่างชัดเจน และง่ายต่อการจัดโปรโมชั่นหรือแคมเปญทางการตลาดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
• เกณฑ์ในการแบ่งระดับสมาชิก ธุรกิจสามารถแบ่งระดับสมาชิกจากตัวแปรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมกับธุรกิจ ซึ่งเบื้องต้นอาจแบ่งระดับสมาชิกจากยอดการซื้อของลูกค้า เช่น เมื่อสมาชิกระดับเริ่มต้นมีการสะสมยอดการซื้อจนครบ 5,000 บาท จะได้รับการเลื่อนระดับสมาชิกเป็นระดับกลาง และเมื่อซื้อครบ 10,000 บาทจะได้ระดับสมาชิกสูงสุด เป็นต้น หรือหากธุรกิจของคุณเน้นที่จำนวนครั้งที่ลูกค้าใช้บริการ เช่น ธุรกิจคาร์แคร์ดูแลรถยนต์ ร้านเสริมสวยซาลอน โรงแรมที่พัก บริการอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยง ฯลฯ อาจนับจำนวนครั้งที่ลูกค้าใช้บริการมาเป็นเกณฑ์ในการเปลี่ยนระดับสมาชิก เช่น ใช้บริการครบ 10 ครั้ง จะได้เปลี่ยนระดับจากสมาชิกกลุ่ม Basic เป็นระดับ Gold แทน เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์ใดในการแบ่งระดับสมาชิก ก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมเหตุสมผลและไม่ทำให้ลูกค้าต้องรู้สึกว่าการปรับระดับสมาชิกนั้นยากเกินไป แต่ควรเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้าเต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่ต้องการเป็นหลักอยู่แล้ว และยังสามารถนำยอดการซื้อไปสะสมเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะช่วยปรับระดับการเป็นสมาชิกให้สูงขึ้นได้ในอนาคต
2. ออก “บัตรสมาชิก” จำแนกประเภทและแจกแจงสิทธิประโยชน์ได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่จะช่วยให้สมาชิกทราบว่าตนเองเป็นสมาชิกอยู่ในระดับใด และได้รับสิทธิประโยชน์ใดบ้าง ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ บัตรสมาชิก หรือ Member Card นั่นเอง และในปัจจุบัน ธุรกิจไม่จำเป็นต้องออกบัตรสมาชิกให้กับลูกค้าในรูปแบบบัตรกระดาษหรือพลาสติกอีกต่อไป เพราะสามารถสร้างบัตรสมาชิกแบบออนไลน์ โดยใช้เพียงเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าเป็นข้อมูลหลักในการลงทะเบีบน รวมถึงหากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงระดับของสมาชิกในภายหลัง ก็สามารถอัปเดตข้อมูลบัตรใหม่และส่งให้ลูกค้าได้ทันที โดยไม่ต้องรอการสั่งพิมพ์ชื่อบนบัตร หรือจัดส่งบัตรต่าง ๆ ผ่านช่องทางไปรษณีย์ จึงประหยัดทั้งเวลาและลดต้นทุนในการผลิตได้เป็นอย่างมาก อย่างเช่น ในระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร PointSpot ที่ให้บริการระบบบัตรสมาชิกแบบออนไลน์ ส่งบัตรสมาชิกให้ลูกค้าได้โดยใช้ข้อมูลแค่เบอร์โทรศัพท์ มีให้บริการบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับได้ 3 ระดับ และตั้งชื่อประเภทบัตรได้เอง เช่น ตั้งชื่อบัตรแต่ละระดับเป็น Basic Member / Gold Member / Platinum Member เป็นต้น ระดับเริ่มต้น ก็คือลูกค้าที่เป็นสมาชิกทั่วไป ก็ออกบัตรสมาชิกประเภท Basic Member ให้ลูกค้า จากนั้นเมื่อสมาชิกที่ได้รับการเลื่อนระดับในขั้นถัดไปเป็นระดับกลาง ก็ออกบัตร Gold Member ทดแทนใบเดิม และสุดท้ายเมื่อสมาชิกได้รับการอัปเกรดเป็นระดับสูงสุด ก็จะได้รับบัตรสมาชิกเป็น Platinum Member ดังรูปตัวอย่าง
ตัวอย่างฟีเจอร์ระบบบัตรสมาชิก (Member Card) ในระบบ PointSpot สามารถแบ่งกลุ่มสมาชิกได้ 3 ระดับ
โดยทั้งรูปแบบการแสดงผลของบัตรสมาชิก รวมถึงข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะแสดงผลแก่สมาชิกนั้น ธุรกิจสามารถปรับแต่งและกำหนดการแสดงผลได้ตามความต้องการ ในสีสันและสไตล์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ
ซึ่งรูปแบบบัตรสมาชิกที่แตกต่างกัน ก็จะช่วยให้สมาชิกทราบได้อย่างชัดเจนว่าตนเองเป็นสมาชิกอยู่ในระดับใด และได้รับสิทธิประโยชน์ใดบ้าง อีกทั้งด้วยรูปแบบบัตรสมาชิกแบบดิจิทัล จึงอำนวยความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น เพราะสมาชิกสามารถตรวจสอบข้อมูลสิทธิ์และโปรโมชั่นสมาชิกทั้งหมดนี้ได้จากลิงก์ใน SMS ที่ธุรกิจส่งให้ได้จากทุกที่ในทุกเวลาที่ต้องการด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อให้พนักงานของธุรกิจดำเนินการตรวจสอบให้ทุกครั้งที่ต้องการทราบข้อมูล
ตัวอย่างฟีเจอร์ระบบบัตรสมาชิก (Member Card) ในระบบ PointSpot สามารถแบ่งกลุ่มสมาชิกได้ 3 ระดับ
3. การสื่อสารกับสมาชิกแต่ละระดับควรที่จะแตกต่างกัน
แน่นอนว่า สิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกในระดับที่แตกต่างกันจะได้รับย่อมไม่เหมือนกัน อย่างเช่น เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาทขึ้นไป ลูกค้าที่เป็นสมาชิกในระดับ Silver เริ่มต้นจะสามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดได้ 10% ในขณะที่ลูกค้ากลุ่ม Gold จะได้สิทธิ์ส่วนลดอยู่ที่ 15% ซึ่งหากธุรกิจไม่ได้แยกส่งข้อมูลให้ตรงกับลูกค้าแต่ละระดับ ย่อมก่อให้เกิดความสับสน และเข้าใจผิดได้ ดังนั้น ธุรกิจจะควรที่จะต้องแยกข้อมูลหรือข้อความที่ต้องการสื่อสารไปยังสมาชิกแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน ไม่ปะปนกัน เพื่อให้สื่อสารได้อย่างตรงจุด และสมาชิกได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่เกิดความสับสน โดยในระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร PointSpot จะมีฟีเจอร์บรอดแคสข้อความ (Broadcast Message) ซึ่งสามารถส่งข้อความแจ้งข่าวสาร โปรโมชั่น หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ต้องการให้สมาชิกจำนวนมากแยกตามแต่ละระดับได้รับทราบพร้อมกันในเวลาเดียวกันอย่างสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา
แยกส่งข้อมูลให้กับสมาชิกแต่ละระดับอย่างชัดเจนและไม่สับสน ด้วยฟีเจอร์บรอดแคสข้อความ ในระบบ PointSpot
ที่สำคัญ ควรมีการพิจารณาว่าลูกค้าสนใจจะรับทราบข้อมูลประเภทใด และควรวางแผนในการส่งข้อความหรือข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ โดยการกำหนดแผนการส่ง เช่น เริ่มต้นอย่างง่ายที่สุด คือการส่งข้อความไปยังสมาชิกแต่ละกลุ่มเมื่อธุรกิจมีโปรโมชั่นออกใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ เพื่อกระตุ้นและดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำอยู่แล้ว แต่นอกเหนือจากนี้ ธุรกิจอาจทำเป็นตารางกำหนดวัน เวลา และหัวข้อที่จะส่งข้อความไปยังลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการ สุดท้าย ข้อความที่ส่งควรมีประโยชน์ต่อสมาชิกจริง ๆ และหลีกเลี่ยงการส่งข้อความขยะหรือ Spam ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ หรือแม้แต่การส่งข้อความเดิมซ้ำ ๆ ด้วยความถี่มากเกินไป เพราะนอกจากจะเป็นการรบกวนจนทำให้ลูกค้าเกิดความรำคาญแล้ว ยังส่งผลให้ธุรกิจดูไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย
4. เสนอรางวัลที่มีคุณค่าแก่สมาชิกแต่ละระดับ
ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทรศัพท์ PointSpot นอกจากจะแบ่งระดับสมาชิกได้แล้ว ธุรกิจสามารถมอบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันสำหรับสมาชิกแต่ละระดับ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกแบ่งระดับสมาชิกอยู่แล้ว ด้วยการประยุกต์ใช้อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีอยู่ในระบบ อย่างเช่น ระบบพอยท์รายสินค้า (Product Level Points) ซึ่งปกติจะเป็นระบบสำหรับจัดการสินค้าและการให้พอยท์ตามรายการสินค้า โดยธุรกิจสามารถกำหนดเงื่อนไขการให้พอยท์ของสินค้าแต่ละชิ้นได้ เช่น หากสมาชิกซื้อเสื้อยืด 1 ตัว จะได้รับการสะสมพอยท์ 1 คะแนน แต่หากสมาชิกซื้อเสื้อยืดพร้อมกางเกง 1 ชุด จะได้รับ 3 พอยท์ทันที เป็นต้น
ซึ่งธุรกิจสามารถใช้ประยุกต์ระบบพอยท์รายสินค้า ในการมอบคะแนนสะสมแก่สมาชิกในแต่ละระดับให้แตกต่างกันได้ แม้ว่าจะซื้อสินค้าชิ้นเดียวกันในราคาที่เท่ากัน เช่น สมาชิกระดับ Basic ซื้อเสื้อไหมพรมราคาตัวละ 500 บาท จะได้พอยท์ 5 คะแนน แต่สำหรับสมาชิกระดับ Gold จะได้ 8 คะแนน เป็นต้น โดยวิธีนี้อาจเป็นใช้เป็นสิทธิประโยชน์หลักในการมอบคะแนน หรือจะใช้เป็นโปรโมชั่นชั่วคราวเพื่อส่งเสริมการขายในบางช่วงเวลาก็ได้
และทั้งหมดนี้ คือวิธีและประโยชน์ในการใช้ระบบบัตรสมาชิกแบบแบ่งระดับในรูปแบบดิจิทัล เพื่อยกระดับความสัมพันธ์และสร้างความภักดีที่ลูกค้ามีต่อธุรกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ใน PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร ยังมีพีเจอร์ Loyalty Program อื่น ๆ ที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น ระบบสะสมแต้มออนไลน์ บัตรกำนัล และคูปองต่าง ๆ ให้ธุรกิจสามารถทำการตลาดได้อย่างครอบคลุม ครบครัน ที่สำคัญ เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี! คลิกที่ปุ่มด้านล่างนี้และสมัครใช้งานได้เลย
สมัครใช้งานฟรี! PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร
หากต้องการระบบบัตรกำนัลออนไลน์ (Gift Voucher) แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการสมัครใช้งาน PointSpot ซึ่งยังมีฟีเจอร์สะสมแต้ม คูปองโปรโมชั่น บัตรสมาชิกดิจิทัล และ Loyalty Program อื่น ๆ และอัปเกรดสู่แพ็กเกจพรีเมียม เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้
Updated: 25 January 2021 | Produced by: Harnchai Chaitusaney