รวมเทคนิคหาลูกค้าใหม่ กระตุ้นให้มีส่วนร่วมกับ Loyalty Program

ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การหาลูกค้าใหม่ ดึงดูดลูกค้าให้ได้มาก ๆ เป็นเหมือนเป้าหมายร่วมที่ทุกธุรกิจต้องการบรรลุ เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ธุรกิจคุณเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้นด้วย แม้การทำ Loyalty Program จะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าเก่า แต่จริง ๆ แล้ว หากมีการวางกลยุทธ์ดี ๆ จะสามารถใช้ดึงดูดลูกค้า และหาลูกค้าใหม่ได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากนี้การมีส่วนร่วมกับ Loyalty Program ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากธุรกิจมีผู้ติดตามรายใหม่ แต่กลับไม่มีส่วนร่วมใด ๆ เลย ส่งคูปองส่วนลดไปให้ก็นิ่งเฉย ส่งบัตรสมาชิกไปให้ก็ไม่มาใช้ นั่นก็เท่ากับว่าสิ่งที่ลงแรงทำไปล้มเหลว ไม่สามารถกระตุ้นยอดขายเพิ่มได้ บทความนี้จึงจะมาแนะนำเทคนิคการหาลูกค้าใหม่ พร้อมกับวิธีกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับ Loyalty Program เพิ่มมากขึ้น

 

ผู้ติดตามธุรกิจ ≠ ลูกค้า

 

เคยไหมที่คุณลงทุนทำโฆษณาออนไลน์ หาลูกค้าใหม่บนโซเชียลมีเดีย เพื่อโปรโมตให้มีคนมาติดตามหรือมีปฏิสัมพันธ์กับ Fanpage ของธุรกิจคุณ จนกระทั่งได้ผู้ติดตามใหม่มากมาย มีปฏิสัมพันธ์ เช่น ยอดไลก์ ยอดคอมเมนต์ เพิ่มสูงขึ้น แต่กลับไม่สามารถกระตุ้นยอดขายให้ดีขึ้นได้ เป็นการลงทุนที่สามารถดึงดูดลูกค้ามาติดตามธุรกิจได้เพียงเท่านั้น แต่ไปไม่ถึงขั้นทำให้เกิดการซื้อ และกลายเป็นลูกค้าของคุณได้ คำกล่าวที่ว่า “ผู้ติดตามธุรกิจ ≠ ลูกค้า” จึงเป็นจริงเสมอ การทำ Loyalty Program ก็ใช้หลักการไม่ต่างกัน สิ่งที่คุณต้องทำไม่เพียงแต่ทำให้มีสมาชิกหรือผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ต้องทำให้เขาเหล่านั้นมีส่วนร่วมกับธุรกิจคุณด้วย และทำให้กลายเป็นลูกค้าของคุณให้ได้

 

มีเหตุผลต่าง ๆ นานาที่สมาชิกของธุรกิจไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับ Loyalty Program เช่น ลืมไปแล้วว่าเคยสมัครสมาชิก ไม่เห็นคุณค่าของสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ เงื่อนไขยากและซับซ้อนเกินไป เป็นต้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ หากลูกค้าของคุณมีความคิดและเกิดพฤติกรรมเช่นนี้ คุณควรรีบหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด

 

สิ่งที่คุณต้องทำมีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วนคือ

 

ส่วนที่ 1 ดึงดูดลูกค้า หาลูกค้าใหม่ เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิก Loyalty Program

 

ส่วนที่ 2 ดึงดูดสมาชิกให้อยู่นาน ๆ และมีส่วนร่วมกับ Loyalty Program

 

ทั้ง 2 ส่วนมีความสำคัญพอ ๆ กัน จึงควรทำไปพร้อม ๆ กัน เพื่อกระตุ้นยอดขาย สร้างการซื้อซ้ำ และเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจคุณอย่างยั่งยืน

 

 

ส่วนที่ 1 หาลูกค้าใหม่ เพิ่มจำนวนสมาชิก

 

เทคนิคที่ PointSpot ขอแนะนำเกี่ยวกับการหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มให้กับ Loyalty Program ของธุรกิจคุณ มี 4 อย่าง ดังนี้

 

1. อธิบายเงื่อนไขให้ชัดเจน

 

ไม่ว่าจะใช้อีเมล โซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ก็ตาม การอธิบายเงื่อนไข Loyalty Program ควรย่อยง่าย ใช้คำที่เข้าใจง่าย ชัดเจน ไม่กำกวม อ่านรู้เรื่องได้ในเวลาไม่นาน หากทำได้จะช่วยเพิ่มการบอกต่อ หรือแชร์ออกไปได้ เพราะถ้าคุณสามารถทำให้ลูกค้าใหม่เข้าใจได้ง่าย ๆ เขาเหล่านั้นก็สามารถอธิบายให้คนรู้จักเข้าใจได้แบบง่าย ๆ เช่นกัน

 

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำ Loyalty Program สะสมพอยท์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้าใจได้ไม่ยากอยู่แล้ว เพราะโดยพื้นฐานก็จะมีเงื่อนไขเหมือน ๆ กัน คือต้องมีการซื้อ และจะคำนวณพอยท์สะสมจากยอดซื้อ จากนั้นก็สามารถแลกพอยท์เป็นของรางวัลตามต้องการได้ ดังนั้นการอธิบายในส่วนนี้ คุณสามารถย่อให้กระชับได้เลย จุดสำคัญที่ลูกค้าต้องรู้คือ 1. ทำอย่างไรจึงจะได้พอยท์ 2. อัตราการได้พอยท์คือเท่าไร (เช่น ทุก ๆ 25 บาทจะได้ 1 พอยท์) 3. พอยท์สะสมใช้ทำอะไรได้ คุณอาจทำเป็นภาพกราฟิกง่าย ๆ แบบตัวอย่างข้างล่างนี้ก็ได้ ข้างใต้แต่ละไอคอนอาจใส่รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมดได้ในภาพเดียว

 

 

เทคนิคที่นักการตลาดมักจะใช้กันคือ สร้างหน้าเว็บสำหรับอธิบาย Loyalty Program ขึ้นมาหน้าหนึ่งโดยเฉพาะ ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้อย่างรวดเร็วใน 1 หน้า หน้าเว็บนี้ทำหน้าที่คล้ายโบรชัวร์ ช่วยให้ลูกค้าของคุณแชร์ URL เว็บไซต์ไปให้คนรู้จักได้ง่ายขึ้นด้วย

 

2. ถามข้อมูลส่วนตัวน้อย ๆ

 

ขั้นต่อไปสำหรับการหาลูกค้าใหม่ให้มาสมัครสมาชิกมาก ๆ คือการทำให้ขั้นตอนการสมัครสมาชิกง่ายที่สุดและดูปลอดภัย หากเป็น Loyalty Program แบบออฟไลน์ จะต้องทำให้แบบฟอร์มสมัครสมาชิกไม่เยิ่นเย้อ ขอข้อมูลส่วนตัวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ชื่อ เบอร์โทร อีเมล เป็นต้น หากจะขอข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม เช่น วันเกิด ที่อยู่ อาชีพ เป็นต้น ควรพิจารณาเลือกเฉพาะข้อมูลที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์การตลาดจริง ๆ เท่านั้น เพราะหากขอข้อมูลมากเกินไป อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกวุ่นวาย และล้มเลิกการสมัครสมาชิกได้

 

สำหรับ Loyalty Program ออนไลน์ก็ยึดหลักการเดียวกัน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพิ่มเติมคือแบบฟอร์มที่ให้ลูกค้ากรอกควรมีความชัดเจน ปุ่มกดส่งข้อมูลเพื่อสมัครสมาชิกอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัด และที่สำคัญคือต้องดูปลอดภัย และน่าไว้ใจ หากต้องการบางข้อมูลจริง ๆ ก็อาจมีรางวัลให้ลูกค้าเป็นการตอบแทน เช่น แจ้งลูกค้าว่า หากให้ข้อมูลวันเกิด จะได้รับคูปองส่วนลดพิเศษในเดือนเกิด เป็นต้น

 

3. ออกโปรโมชั่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ

 

บางธุรกิจอาจคิดว่า แค่มี Loyalty Program สะสมพอยท์ ก็จะช่วยให้มีคนสมัครสมาชิกอยู่เรื่อย ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารโปรโมชั่นบนอินเทอร์เน็ตที่มากมาย ลูกค้าจะเลือกเข้าร่วมเฉพาะสิ่งที่เห็น และรู้สึกมีประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น หากคุณไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ก็ไม่อาจทำให้จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือ ออกโปรโมชั่นใหม่ ๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โปรโมตในช่องทางการตลาดทุกช่องทางที่คุณมี ดึงดูดลูกค้าใหม่ด้วยโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าปกติ ทำให้ลูกค้าเห็นถึงข้อดีของการเป็นสมาชิกให้ได้

 

 

4. ให้ของขวัญเมื่อสมัครสมาชิก

 

ท่าไม้ตายสุดท้ายที่ได้ผลเสมอคือการให้ของขวัญ แน่นอนว่าถ้ามีของขวัญจูงใจก็จะสามารถผลักดันให้ลูกค้ามีพฤติกรรมที่ต้องการได้ไม่ยาก ไม่เว้นแม้แต่การสมัครสมาชิก หากมีแคมเปญการตลาดที่น่าสนใจควบคู่ ก็จะสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้เป็นจำนวนมาก ขอยกตัวอย่างระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้ม PointSpot ที่มีฟีเจอร์ Friend get Friends สามารถให้สมาชิกของธุรกิจส่งข้อความหรือ QR Code เชิญชวนคนรู้จักให้มาเป็นสมาชิกได้ และจะได้รับพอยท์เป็นของขวัญทั้งผู้เชิญและผู้ได้รับเชิญ เป็นฟีเจอร์ที่อาจช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกของธุรกิจให้มากขึ้นได้หลายเท่า หากคุณต้องการทำ Loyalty Program ออนไลน์ในลักษณะนี้ สามารถลงทะเบียนสมัครใช้งาน PointSpot ได้ฟรี! คลิกที่นี่

 

 

ส่วนที่ 2 รักษาลูกค้าเก่า เพิ่มการมีส่วนร่วม

 

เทคนิคที่ PointSpot ขอแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่า และเพิ่มการมีส่วนร่วมกับ Loyalty Program ของธุรกิจคุณ มี 3 อย่าง ดังนี้

 

1. เพิ่มวิธีการได้พอยท์

 

เพื่อทำให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกของคุณไม่รู้สึกเบื่อ คุณควรสรรหาวิธีการได้รับพอยท์เพิ่มเติม นอกเหนือจากการซื้อแล้ว ยังสามารถให้ลูกค้าทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย PointSpot ขอแชร์ไอเดียในการให้พอยท์ลูกค้าดังนี้

 

  • ติดตาม Fanpage ธุรกิจและแชร์ไปยังหน้าโปรไฟล์ส่วนตัว

 

  • เขียนรีวิวสินค้าหรือบริการบนโซเชียลมีเดีย

 

  • เข้าร่วมการสำรวจทดลองสินค้าใหม่

 

  • เล่นเกมตอบคำถาม

 

  • จัด Virtual Run นำจำนวนกิโลเมตรที่วิ่งได้มาแลกเป็นพอยท์

 

  • ประกวด Caption เด็ดโดนใจ

 

สิ่งสำคัญสำหรับวิธีนี้คือต้องมีการตรวจสอบที่จริงจัง ว่าลูกค้าทำตามเงื่อนไขจริง ๆ หรือไม่ เพราะอาจเกิดการทุจริตได้

 

2. สื่อสารในแบบเฉพาะบุคคล

 

ลองดูตัวอย่างข้อความที่สื่อสารไปยังลูกค้า 2 แบบนี้

 

A. เรียนคุณลูกค้า คุณสามารถใช้ 150 พอยท์แลกรับลำโพงบลูทูธฟรี! เลือกซื้อสินค้าออนไลน์โดยไปที่เว็บไซต์ของเรา

 

B. เรียนคุณหาญธาตรี อีกเพียง 20 พอยท์คุณจะได้รับลำโพงบลูทูธฟรี! เลือกซื้อสินค้า คลิก www.abc.com/loyalty

 

จะเห็นได้ว่า แบบ A ไม่มีการปรับข้อความให้เป็นแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized เป็นการสื่อสารแบบรวม ๆ ไปยังลูกค้าทุกคนเหมือน ๆ กัน แต่แบบ B มีการปรับข้อความให้ดูเหมือนเป็นการสื่อสารไปยังคุณหาญธาตรีโดยเฉพาะ มีการแจ้งเป้าหมายรางวัลเฉพาะของลูกค้าคนนั้น และส่งลิงก์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยตรง

 

การสื่อสารการตลาดในปัจจุบันควรเป็นแบบ B คือ Personalized ปรับให้เป็นแบบเฉพาะบุคคล จะช่วยสร้างความประทับใจ และทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากมีส่วนร่วมมากขึ้น แน่นอนว่า หากธุรกิจคุณมีลูกค้าเพียงไม่กี่คน คงสามารถแต่งและเขียนข้อความได้เป็นรายบุคคล แต่หากมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก คงไม่สามารถเขียนเป็นรายบุคคลได้ แต่ต้องใช้เครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ช่วยในการทำงาน และต้องเลือกแบบที่มีฟีเจอร์ในการช่วยแยกกลุ่มลูกค้าเพื่อทำการ Personalized และสามารถส่งข้อความสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าทีละมาก ๆ ได้ ซึ่งระบบ PointSpot ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีฟีเจอร์ครบตามที่ว่ามานี้ สามารถลงทะเบียนใช้งานได้ฟรี! คลิกที่นี่

 

 

3. แจ้งข้อมูลอย่างโปร่งใส

 

สิ่งที่จะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมคือ ต้องมีการแจ้งข้อมูลลูกค้าอย่างโปร่งใสในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ Loyalty Program เช่น จำนวนพอยท์สะสมของลูกค้าในปัจจุบัน ของรางวัลที่สามารถแลกได้ วิธีการแลกของรางวัล สถิติการซื้อและพอยท์ที่ได้รับ เป็นต้น หากลูกค้าได้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้อย่างครบถ้วน ก็จะช่วยให้ลูกค้ามองออกว่า ตัวเองอยู่ตรงจุดไหนของ Loyalty Program จะต้องทำอย่างไรบ้างและทำอีกมากแค่ไหนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ได้ของรางวัลตามที่ต้องการ

 

หากไม่มีการแจ้งเลย ลูกค้าก็อาจลืมและไม่มีส่วนร่วมใด ๆ กับ Loyalty Program ได้ โดยทั่วไปจะให้พนักงานหน้าร้านคอยแจ้ง และอีกวิธีหนึ่งคือแจ้งข้อมูลในใบเสร็จรับเงิน แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงการสื่อสารทางเดียวเท่านั้น หากจะทำให้ดียิ่งขึ้น ควรมีหน้าเว็บที่สามารถให้ลูกค้า Log in และเช็คพอยท์สะสมของตัวเองได้ด้วย รวมถึงมีลิสต์ของรางวัลในนั้น ก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม มองเห็นเป้าหมายของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น และรู้ว่าต้องซื้ออีกเท่าไรถึงจะได้ของรางวัล แต่การสร้างหน้าเว็บในลักษณะนั้น อาจสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้นธุรกิจส่วนใหญ่จะนิยมใช้เครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์สำเร็จรูป ชนิดที่มี Portal หรือหน้าเว็บสำหรับให้ลูกค้า Log in เข้าไปเช็คพอยท์สะสมได้ด้วยตนเองผ่านมือถือ อย่างเช่นของระบบ PointSpot นอกจากจะให้ลูกค้าเช็คพอยท์ได้แล้ว ยังสามารถแลกของรางวัลได้ด้วยตนเองผ่านมือถืออีกด้วย หากสนใจสามารถสมัครใช้งานได้ฟรี! คลิกที่นี่

 

PointSpot สรุป

 

การหาลูกค้าใหม่ ดึงดูดลูกค้าให้เป็นสมาชิกของธุรกิจว่ายากแล้ว การรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มการมีส่วนร่วมกับ Loyalty Program นั้นยากยิ่งกว่า แต่ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่ PointSpot ได้แนะนำไป หวังว่าจะสามารถช่วยให้ธุรกิจกระตุ้นยอดขาย เพิ่มการซื้อซ้ำให้เกิดต่อเนื่อง และทำ Loyalty Program ได้อย่างยั่งยืน

 

สมัครใช้งานฟรี! PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร

หากต้องการเครื่องมือ Loyalty Program ออนไลน์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวข้างต้น แนะนำให้สมัครใช้งาน PointSpot ซึ่งมีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้ม คูปองโปรโมชั่นบัตรสมาชิกดิจิทัล Gift Voucher ออนไลน์ และ Loyalty Program   อื่น ๆ คลิกที่ปุ่มด้านล่างนี้เพื่อลงทะเบียนใช้งานฟรี!

PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร เพิ่มยอดขาย เพิ่มลูกค้าประจำ ด้วย Loyalty Program และคูปองโปรโมชั่น ใช้งานง่าย ไม่ต้องพกบัตร ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัลในการทำ CRM ช่วยสร้างการซื้อซ้ำ และจดจำแบรนด์

Updated:  10 June 2021 | Written by: Ploynaphat Wattanachodjirachai