ตอบข้อสงสัย ธุรกิจขายส่งจะทำ Loyalty Program เพิ่มยอดขายได้อย่างไร

Loyalty Program มีความสำคัญต่อธุรกิจในการช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ จนกลายเป็นลูกค้าประจำ รวมถึงเพิ่มปริมาณการซื้อให้มากขึ้นได้อีกด้วย โดยธุรกิจแทบทุกประเภทและทุกขนาด สามารถใช้ Loyalty Program ได้ ตั้งแต่ร้านอาหารทั่วไป จนถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ หรือสายการบิน ฯลฯ

และสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่ง ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ในการส่งเสริมการขายระหว่างธุรกิจ พร้อมกับการทำ CRM เพื่อช่วยในการบริหารความสัมพันธ์ และสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว (Customer Lifetime Value) ด้วยวิธีการใช้ Loyalty Program สร้างความภักดีที่มีประสิทธิภาพดังต่อไปนี้

1. รู้ว่าจุดมุ่งหมายจากการใช้ Loyalty Program ของธุรกิจคืออะไร?

สิ่งแรกที่มาควบคู่กับการทำธุรกิจทั้งแบบทั่วไปและธุรกิจขายส่ง ย่อมต้องมีการกำหนดจุดมุ่งหมาย (Goals) และดำเนินธุรกิจไปให้ถึงตามเป้าที่วางไว้ เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตก้าวหน้าไปจนประสบความสำเร็จได้ ซึ่งโดยทั่วไป จุงมุ่งหมายของธุรกิจต่าง ๆ มักมีภาพใหญ่อยู่ที่การมีผลประกอบการที่ดี ทั้งผลกำไร และรายได้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งธุรกิจจะบรรลุจุดมุ่งหมายนี้ได้ ก็ต้องมีการวางแผนการบริหารจัดการที่ดีในองค์ประกอบย่อยของธุรกิจทุก ๆ ด้าน ทั้งในส่วนของคุณภาพสินค้า การให้บริการแก่ลูกค้า ตลอดจนระบบการทำงานภายในองค์กร ซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้เครื่องมือที่หลากหลาย และเหมาะสมกับการทำงานในแต่ละส่วนอย่างเฉพาะเจาะจง

สำหรับธุรกิจค้าส่ง หรือโรงงานผลิตที่เน้นจำหน่ายสินค้าแบบขายส่ง ทั้งสินค้าสำหรับอุปโภค บริโภค ไปจนถึงบริการต่าง ๆ ในปริมาณที่มาก ไม่ว่าธุรกิจของท่านจะเป็นผู้ผลิตเอง หรือเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกรายย่อย ก็ย่อมมีจุดมุ่งหมายหลักใหญ่ด้านการเพิ่มยอดขายเช่นกัน ซึ่งหากมองลงในรายละเอียดที่ปลีกย่อยขึ้น ถึงหนึ่งในวิธีการที่จะทำตามจุดมุ่งหมายในการสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ Loyalty Programเป็นเครื่องมือทำให้การซื้อของลูกค้าที่แม้จะเป็นธุรกิจหรือผู้ซื้อสินค้าขายส่ง สามารถเพิ่มความถี่ในการซื้อที่มากขึ้น ด้วยการการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ พร้อมกับการกลับมาใช้บริการในระยะยาว เป็นต้น

ซึ่งเหล่านี้มีพื้นฐานอยู่ที่ความพึงพอใจของลูกค้าทั้งในเรื่องบริการ ราคาสินค้า ตลอดจนการใช้ฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมความภักดีจาก Loyalty Program ไม่ว่าจะเป็น ระบบสมาชิกที่จะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตามระดับหรือประเภทสมาชิก หรือระบบสะสมแต้มจากยอดซื้อ ซึ่งลูกค้าของธุรกิจค้าส่งย่อมสามารถสะสมแต้มได้เป็นจำนวนมาก และทำให้ได้รับของรางวัล หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ตามที่ธุรกิจจะมอบให้ เพื่อนำกลับมาใช้เป็นส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไปในระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น เหล่านี้คือเครื่องมือที่ธุรกิจไม่ควรละเลยที่จะใช้ เพื่อทำให้จุดมุ่งหมายที่วางไว้อยู่ใกล้ขึ้นมาอีกขั้น

 

2. มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเป็นใคร?

เป็นเรื่องธรรมดาที่ธุรกิจย่อมต้องการขายสินค้าให้กับทุกคนที่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณได้ แต่การทำการตลาดให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าทุกคนอาจต้องใช้งบประมาณและทรัพยาการจำนวนมาก ธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีการทำ Market Segmentation หรือการแบ่งส่วนตลาด เพื่อช่วยในการกำหนด Targeting หรือกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าของธุรกิจออกเป็นส่วนย่อย ๆ ที่อาจมีความแตกต่างกันตามเกณฑ์หรือวัตถุประสงค์ในการแบ่ง เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณในการโปรโมทธุรกิจกับลูกค้าที่เราเลือกแล้วว่าใช่ได้อย่างคุ้มค่าและสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้จริง

สำหรับธุรกิจค้าส่งหรือโรงงานผลิตสินค้าขายส่ง อาจมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายค่อนข้างชัดเจน ก็คือ การขายสินค้าให้ลูกค้าที่เป็นธุรกิจด้วยกัน ในรูปแบบที่เรียกว่าB2B (Business to Business) รวมไปถึงร้านค้าปลีก หรือลูกค้าบุคคลที่มีการซื้อสินค้าครั้งละมาก ๆ โดยธุรกิจหรือกลุ่มคนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายหรือให้บริการกับลูกค้าทั่วไปอีกต่อหนึ่ง

แต่ไม่เพียงแค่การระบุได้ว่าลูกค้าของธุรกิจขายส่งคือใคร มีมุมมองที่ต้องดูให้ลึกลงไปอีกเช่นกันว่า ลูกค้าต้องการอะไร? มีลักษณะการซื้อแบบใด? รวมถึงรูปแบบของรางวัลที่จะสร้างความภักดีจาก Loyalty Program ที่ลูกค้ากลุ่มนี้สนใจเป็นอะไร?

โดยเริ่มต้นที่ธุรกิจค้าส่งจำเป็นต้องมีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดก่อน เพื่อสามารถวางแผนในการปรับตัวและนำเสนอบริการให้ทันและตรงกับความต้องการของลูกค้า จากนั้นจึงใช้เครื่องมือที่จะช่วยส่งสาส์น เพื่อสื่อสารอย่างเหมาะสม ช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้รู้สึกว่าพวกเขามีความสำคัญกับธุรกิจ และเพิ่มแนวโน้มในการกลับมาซื้อซ้ำอย่างได้ผล

การที่ธุรกิจค้าส่งสามารถโฟกัสลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำการตลาดได้อย่างถูกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเลือกใช้เครื่องมือได้แม่นยำเพื่อนำธุรกิจไปในทิศทางที่ถูกต้อง คุ้มค่างบประมาณที่ใช้ไป และสุดท้ายคือได้ผลลัพธ์ดังที่คาดหวัง

 

3. วางแผนว่าจะใช้งาน Loyalty Program รูปแบบใดบ้าง?

เพราะ Loyalty Program คือฟันเฟืองส่วนสำคัญในการทำ CRM เพื่อสานสัมพันธ์อันดีระหว่างธุรกิจค้าส่งกับลูกค้า ซึ่งมีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย โดย Loyalty Program ที่นิยมใช้ ใกล้ตัว และได้ผลดีตลอดมา หลายท่านคงคุ้ยเคยกับ ระบบสมาชิก ระบบสะสมแต้ม บัตรกำนัล และคูปองโปรโมชั่นต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทางเลือกให้กับธุรกิจสามารถหยิบมาใช้ตามปัจจัยของกลุ่มผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมายของคุณได้

ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบสะสมแต้ม ที่ลูกค้าของธุรกิจขายส่งจะได้รับคะแนนจากการซื้อสินค้าและแลกของรางวัลในภายหลัง แต่ไม่จำเป็นว่าธุรกิจจะเลือกใช้แค่การสะสมแต้มและคะแนนเพียงอย่างเดียว เพราะธุรกิจสามารถใช้ร่วมกับฟีเจอร์อื่น ๆ อย่าง ระบบสมาชิก ที่สามารถแบ่งระดับสมาชิกตาม Tier ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้กับลูกค้าของธุรกิจมาซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น หรือกลับมาซื้อซ้ำบ่อยขึ้น เพื่อให้สามารถยกระดับการเป็นสมาชิกที่สูงขึ้นและได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้น ทั้งส่วนลด บริการส่งฟรี หรืออื่น ๆ ตามที่ธุรกิจจะกำหนดได้

อีกหนึ่งส่วนที่ธุรกิจค้าส่งจะต้องคำนึงถึงมากขึ้น ก็คือ รูปแบบของการให้รางวัลกับลูกค้าที่เป็นธุรกิจ หลังจากที่สามารถสะสมแต้มได้ครบตามจำนวนหรือเป็นสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก ซึ่งจะต่างกับลูกค้าแบบปลีกที่เป็นรายบุคคล เพราะลูกค้าบุคคลอาจต้องการรางวัลที่จับต้องได้ใกล้ตัว เช่น คูปองแลกสินค้าฟรี บัตรส่วนลด หรือบัตรกำนัลใช้แทนเงินสด เป็นต้น

แต่สำหรับลูกค้าธุรกิจขายส่ง ซึ่งลูกค้าหลักมักเป็นธุรกิจด้วยกัน และอาจมีผู้ร่วมติดต่อหรือตัดสินใจในการซื้อขายสินค้าแต่ละครั้งมากกว่า 1 คน รูปแบบของรางวัลจาก Loyalty Program จึงต้องเอื้อประโยชน์และสามารถกระตุ้นการซื้อซ้ำในปริมาณที่มากแต่ก็ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นด้วย โดยไอเดียของรางวัลสำหรับธุรกิจค้าส่งสามารถมอบให้ลูกค้าธุรกิจ เช่น

-           บริการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ฟรี เพื่อให้สามารถเข้าใช้งานฟังก์ชันในระดับที่สูงขึ้นได้
-           การให้บริการซัพพอร์ตกับลูกค้าธุรกิจแบบตัวต่อตัว (one-on-one)
-           การเพิ่มส่วนเสริม (Add on) ของผลิตภัณ์หรือสินค้าที่สามารถเพิ่มประสิทธิผลการทำงานให้มากขึ้นได้ เป็นต้น

ซึ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าธุรกิจได้รับความคุ้มค่าทั้งจากส่วนลดและของสมนาคุณ และสร้างความพึงพอใจในแบบองค์รวมอย่างได้ผล

 

4. จะเลือกใช้ Loyalty Program บนแพลตฟอร์มใด?

ทุกวันนี้ Loyalty Program ไม่ได้จำกัดอยู่ในรูปแบบเดิม ๆ อย่างที่คุ้นเคยกันมา เช่น บัตรสะสมแต้มแบบกระดาษ หรือบัตรสมาชิกแบบพลาสติก ที่ยิ่งเก็บสะสมก็ยิ่งเพิ่มจำนวนและเสี่ยงต่อการลืมหรือทำหายได้

เพราะในปัจจุบัน ทางเลือกในการใช้งาน Loyalty Program ได้มีการพัฒนาก้าวไกลตามเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้า ทำให้เกิดการใช้งาน Loyalty Program  บนแพลตฟอร์มแบบออนไลน์ มาพร้อมฟีเจอร์ที่หลากหลาย และทลายข้อจำกัดเรื่องระยะทาง ช่วยทำให้การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจหรือทำ CRM ด้วย Loyalty Program เป็นเรื่องง่าย และสะดวกขึ้นมาก

ซึ่งธุรกิจค้าส่งสามารถเลือกที่จะใช้งานแพลตฟอร์ม Loyalty Program ด้วยการสร้างใหม่ขึ้นมาใช้กับธุรกิจของตัวเองโดยเฉพาะก็ได้ แต่วิธีนี้อาจจะต้องลงทุนค่อนข้างมากในการใช้ทรัพยากร ทั้งเวลาและบุคคลในการออกแบบ สร้าง และปรับปรุงพัฒนาระบบอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการทำที่ค่อนข้างสูง จึงอาจมีความเสี่ยงในการเลือกใช้ Loyalty Program แบบสร้างเองนี้ โดยเฉพาะกับธุรกิจขายส่งที่ยังไม่เคยทำ Loyalty Program มาก่อน

แต่มีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เหมาะกับธุรกิจขายส่งทุกประเภทสามารถใช้งานได้ ก็คือ การใช้งาน  Loyalty Program จากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแบบออนไลน์โดยเฉพาะ อย่างเช่น PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร ซึ่งมีการพัฒนาฟีเจอร์สำคัญและเป็นประโยชน์ในการทำ CRM ที่หลากหลาย ครบครัน ไมว่าจะเป็น ระบบสะสมแต้ม ระบบบัตรสมาชิก ระบบจัดการบัตรกำนัล และคูปองโปรโมชั่น คูปองส่วนลด หรือคูปองแลกของรางวัลต่าง ๆ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้มีรูปแบบพร้อมใช้ โดยธุรกิจสามารถ Customize หรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจค้าส่งได้เองอย่างง่าย

นอกจากนี้ยังมีรายงานการใช้งานสำหรับธุรกิจหลายด้าน ที่ผ่านการวิเคราะห์และสรุปข้อมูลที่จำเป็น แสดงผลในรูปแบบ Report & Graph แยกเป็นหัวข้อต่าง ๆ อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย สามารถนำไปใช้ประกอบการวางแผนการทำการตลาดได้เลย

 

 



วางแผนต่อยอดการทำการตลาดให้ธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยฟีเจอร์รายงานสำหรับธุรกิจ ในระบบสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร PointSpot

 

ดังนั้น ธุรกิจขายส่งที่กำลังสนใจจะใช้ Loyalty Program เพื่อกระตุ้นยอดขายและดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ จึงไม่ควรมองข้ามแพลตฟอร์มพร้อมใช้แบบออนไลน์ เพราะจะช่วยลดทั้งต้นทุนด้านงบประมาณการผลิต เวลา และบุคลากร และช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับธุรกิจได้อย่างแน่นอน

5. การทำให้ Loyalty Program ใช้งานง่ายอย่างสม่ำเสมอได้หรือไม่?

นอกจากการที่ธุรกิจจะมอบสิทธิประโยชน์คุ้มค่า และของรางวัลที่น่าดึงดูดใจลูกค้าแล้ว อีกหนึ่งจุดสำคัญสำหรับการใช้ Loyalty Program ให้ได้ผลดีอย่างยั่งยืนก็คือ ความง่ายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งธุรกิจเองหรือฝั่งลูกค้า เพราะหากระบบมีขั้นตอนการใช้งานที่ยุ่งยาก ก็อาจทำให้ธุรกิจเกิดข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการได้ง่าย รวมถึงลูกค้าเองก็คงไม่อยากวุ่นวายกับการใช้งานที่ซับซ้อน ชวนสับสน นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำแล้ว อาจยิ่งทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใจหาคู่แข่งขันที่มีสินค้าคล้ายกัน แต่ให้สิทธิประโยชน์จาก Loyalty Program ที่ใช้งานง่ายและได้รางวัลคุ้มค่ากว่า

ดังนั้น ระบบในการบริหารจัดการ Loyalty Program ควรมีความเรียบง่ายและใช้งานได้อย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจขายส่งและลูกค้าธุรกิจ อย่างเช่น ใน PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร ที่อำนวยความสะดวกในการสะสมแต้ม ซึ่งไม่ต้องทำบัตรสะสมแต้มแบบกระดาษให้ยุ่งยาก เพราะสามารถล็อกอินใช้งานผ่าน Web Browser ออนไลน์ เสมือนเข้าใช้งานเว็บไซต์ทั่วไป โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่นหรือโปรแกรมเสริมใด ๆ โดยธุรกิจสามารถจัดส่งและเก็บข้อมูลการให้พอยท์แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านระบบแบบออนไลน์ โดยใช้แค่เบอร์โทรศัพท์มือถือของลูกค้าในการรับ-ส่งข้อมูลเป็นหลัก

สำหรับฝั่งลูกค้าที่เป็นสมาชิกเอง ก็จะได้รับ SMS แจ้งข้อมูลทั้ง คะแนนสะสม บัตรสมาชิก บัตรกำนัล หรือคูปองแลกของรางวัลต่าง ๆ นอกจากนี้ยังกด Redeem ใช้คะแนนแลกของรางวัลได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังหน้าร้านหรือโรงงานของธุรกิจขายส่ง ใช้ได้ทั้งกับลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด Loyalty Program ก็สามารถทำให้ธุรกิจขายส่งมีโอกาสเพิ่มยอดขายจากการซื้อซ้ำ พร้อมสร้างพื้นฐานปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าธุรกิจได้อย่างยั่งยืนแน่นอน

สมัครใช้งานฟรี! PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร

หากต้องการระบบดิจิทัลสำหรับทำ Loyalty Program แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการสมัครใช้งาน PointSpot ซึ่งยังมีฟีเจอร์สะสมแต้ม คูปองโปรโมชั่น บัตรสมาชิกดิจิทัล และ Loyalty Program อื่น ๆ

PointSpot ระบบบัตรสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร เพิ่มยอดขาย เพิ่มลูกค้าประจำ ด้วย Loyalty Program และคูปองโปรโมชั่น ใช้งานง่าย ไม่ต้องพกบัตร ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัลในการทำ CRM ช่วยสร้างการซื้อซ้ำ และจดจำแบรนด์

Updated: 20 November 2020 | Produced by: Harnchai Chaitusaney